Daily View - บล.กสิกรไทย
Print
Wednesday, 04 July 2018 09:26

 

แม้ว่าจะมีโอกาสที่จะเกิดสภาวะ Risk-off อีกครั้ง แต่มองว่าหลังจาก 6 ก.ค. ตลาดซึ่งได้ซึมซับเรื่องสงครามการค้าไปมากแล้วจะฟื้นตัวอีกครั้งได้ มองความผันผวนของตลาดนับจากนี้จะน้อยลงหลัง Block Trade ได้ลดการถือครองไปมากแล้ว คาดกรอบวันนี้จะอยู่ที่ 1,615 - 1,625 จุด ระยะสั้นเน้น Trading ในกลุ่มหุ้ยฟื้นตัว KKP CPN TRUE

ตลาดเกิดสภาวะ Risk-off ก่อนที่จะถึง 6 ก.ค. ซึ่งจีนและสหรัฐจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าวงเงิน 3.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ : กระแสเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง และโยกเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ US 10Y Bond Yield กลับลงมาที่ 2.838% และทองคำดีดตัวขึ้น 11 เหรียญสู่ 1,252.8 เหรียญต่อทรอยออนซ์

กระแสข่าวที่เข้ามาในช่วงนี้ยังคงเป็นในลักษณะดีสลับร้าย ตอบโต้กันไปมา ทั้งการที่สำนักงานโทรคมนาคมและสารสนเทศแห่งสหรัฐ (NTIA) ทำหนังสือถึงคณะกรรมาธิการการสื่อสารสหรัฐ (FCC) ไม่ควรให้ไชน่า โมบายล์ เข้ามาทำธุรกิจในสหรัฐ ขณะที่ทางฝั่งจีนศาลจีนได้สั่งห้ามการขายชิพของ Micron Technology และกลับมามีเรื่องดีสหรัฐเตรียมที่จะยกเลิกมาตรการลงโทษบางประการเพื่อให้ ZTE บริษัทโทรคมนาคมขนาดใหญ่ของจีนสามารถดำเนินธุรกิจต่อได้

มองปฎิกิริยา Risk-off ของตลาด เป็นการเตรียมตัวก่อนจะถึง 6 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่ทั้งจีนและสหรัฐจะเริ่มสงครามการค้ายกแรกด้วยการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเป็น 25% วงเงินฝั่งละ 3.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่คาดว่าเมื่อถึงวันที่ 6 ก.ค. ด้วยความที่ตลาดซึมซับเรื่องสงครามการค้าไปมากแล้ว น่าจะเกิดการซื้อกลับและดึงให้สินทรัพย์เสี่ยงดีดตัวขึ้นมามากกว่าที่จะลงต่อ

ราคาน้ำมัน WTI พุ่งผ่าน 75 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ PTTEP ยังคงถูกถ่วงด้วยเรื่อง deferred tax :บริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบีย (NOC) ประกาศเหตุสุดวิสัยในการถ่ายน้ำมัน ซึ่งกระทบต่อการส่งออกน้ำมัน 8.5 แสนบาร์เรลต่อวันกลายเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้น้ำมัน WTI ปรับเพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 74.14 เหรียญต่อบาร์เรล (ระหว่างวันสามารถพุ่งผ่าน 75 เหรียญต่อบาร์เรล)

แม้การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันจะเป็น Sentiment บวกต่อการลงทุนใน PTT และ PTTEP แต่คาดว่าราคาหุ้นของ PTTEP อาจไม่ตอบสนองมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากมีประเด็นความกังวลผลประกอบการในงวด 2Q61 ที่จะถูกถ่วงด้วยเรื่องภาษีเงินได้รอตัดบัญชี (deferred tax) หลังบาทอ่อนค่าต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมากว่า 6%

อย่างไรก็ตามการปรับลดลงของ PTTEP จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพิ่ม เนื่องจากกำไรจากการดำเนินปกติยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และราคามีประเด็นบวกเรื่องการประมูลสัมปทานแหล่งบงกชและเอราวันที่รออยู่ในช่วง 2H61 โดยมีมูลค่าพื้นฐานที่ 153 บาท

ตลาดยังมีความเสี่ยง แต่คาดว่ากลุ่มหุ้นที่ Block Trade ลดการถือครองไปแล้ว จะผันผวนน้อยลง : แม้ตลาดยังคงถูกกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ และยังมีความเสี่ยงที่จะต้องปรับลดลงอีกครั้ง แต่คาดว่าการลงรอบนี้จะมีความผันผวนน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่ Block Trade ได้ตัดขาดทุนหรือลดสถานะการถือครองไปมากกว่า 40% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้ง รวมถึงมีการปรับลดลงตั้งแต่ต้นปีจน Upside เปิดกว้าง หากตลาดเริ่มฟื้นตัวคาดว่ากลุ่มหุ้นเหล่านี้จะมีโอกาสเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด ADVANC AOT BANPU BBL BDMS BEAUTY BEM BJC BTS CKP CPALL CPN DTAC GPSC HANA KKP PTTGC ROBINS SAWAD SCB SCC SPALI TISCO TRUE WHA

 

กลยุทธ์การลงทุน :

SET Index ขึ้นมาทดสอบ 1,625 จุดแล้ว แต่ด้วยท่ามกลางปัจจัยลบที่ปกคลุม ทำให้การฟื้นตัวรอบนี้ยังขาดความเสถียร มีโอกาสที่ดัชนีจะต้องอ่อนตัวลงมาที่ 1,615 จุดอีกครั้ง ระยะสั้นจึงให้เน้น Trading เล่นรอบในกลุ่มหุ้นฟื้นตัว KKP CPN TRUE เป็น Top Pick วันนี้ ส่วนระยะกลางถึงยาว ให้เน้นไปที่กลุ่มหุ้น Monthly Pick ของ KS Research ที่ยังมี Upside สูง เช่น BBL KTB MTC ORI LH AP SPALI QH CPN CPALL BEAUTY BEM KCE HANA IVL

 

Daily Picks

Daily Picks  Trading Target

KKP             72.00

TRUE             6.20

CPN             74.00

 

Monthly pick

BBL CPN KTB CPALL MTC BEAUTY ORI BEM LH KCE AP HANA SPALI IVL QH

 

KS Daily Portfolio

KS Daily Portfolio ถือหุ้น KCE CPN BBL KKP และเงินสด 20%

1. หุ้น Global Play CPN คาดว่ารายได้จะเติบโตจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าการเติบโตของรายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2/61 และจะทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาสที่ 3/61 ด้วยแรงสนับสนุนจากรายได้จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียม และจากแผนการเปิดสาขาใหม่ ได้แก่ ซ็นทรัลภูเก็ต และเซ็นทรัล ไอซิตี้ (มาเลเซีย) ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 61 เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ที่ 12.2 พันลบ. เติบโต 15.3%YoY เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 92.0 บาท

2. หุ้นที่อิงกับ Investment Cycle

BBL รายงานกำไรไตรมาส 1/2561 ที่ 9 พันลบ. (+8.4% YoY และ 6% QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดและเราคาด ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียม กำไรจาการลงทุน และรายได้อื่นๆที่สูงกว่าคาด ผู้บริหารยังเป้าการเงินไว้ตามเดิม โดยการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่เลขหลักเดียว และเป้าเติบโตของสินเชื่อที่ 5-6% คาดว่าธุรกิจสินเชื่อจะเป็นแรงหนุนให้เกิดการขยายตัวในครึ่งปีหลัง

KCE เริ่มมีปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาทและการปรับลดลงของราคาทองแดง โดยคาดว่าปัญหาคอขวดในการผลิตจะคลี่คลายในช่วงที่เหลือของปี จากการทยอยติดตั้งเครื่องจักรใหม่เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย. ด้วยคำสั่งซื้อและ backlog ที่แข็งแกร่ง กอปรกับคาดการณ์ของเราที่ว่าเงินบาท/ดอลลาร์ฯ จะอ่อนค่าลงในปี 2562/63 เราจึงประเมินอัตราการเติบโตด้านกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2562-63 ที่ระดับ 38% ดังนั้น เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าเป้าหมาย 39.75 บาท

KKP คาดว่ากำไร 2Q61 จะปรับดีขึ้น YoY ด้วยแรงหนุนจากรายได้การดำเนินงานที่สูงขึ้น (NII ที่สูงขึ้นจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 19% YoY) ส่วนในเชิง QoQ คาดว่ากำไรจะลดลงจากการตั้งสำรองและ OPEX ที่สูงขึ้น ทั้งนี้กำไรครึ่งแรกของปี 2561 จะคิดเป็น 47.7% ต่อประมาณการทั้งปีของที่ 6.1 พันลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันมี Dividend Yield ที่สูงถึง 7.25%

 

Analyst (s)

 

ประกิต สิริวัฒนเกตุ

This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it

 

KS Research Team

 

Kasikorn Securities PCL

 

โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 4 ก.ค. 2561

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment