Snapshot

สหรัฐอเมริกา

นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า Fed ควรจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจาก โก ได้บรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวใกล้เป้าหมาย 2% ของ Fed ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความอ่อนแอ พร้อมกันนี้ ยังระบุจะสนับสนุนการปรับลดวงเงินของพันธบัตรมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ใน Portfolio ของ Fed นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ไม่ได้ให้ความสำคัญของตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนแอในเดือนมีนาคม และการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 โดยกล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้เป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ทั้งนี้ คำกล่าวของนางเมสเตอร์ช่วยหนุนมุมมองที่ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังจากปรับขึ้นในเดือนมีนาคม และคาดว่าจะปรับขึ้นอีกครั้งก่อนสิ้นปี ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 83.1% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

Conference Board เปิดเผยดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน (ETI) ในสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 132.64 ในเดือนเม.ย. จากระดับที่มีการปรับแก้ไขแล้วที่ 131.58 ในเดือนมีนาคม

ยุโรป: เยอรมนี

กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนมีนาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% ชะลอตัวลงจากที่ขยายตัว 3.5% แต่ก็ยังสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ รายงานระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศหดตัวลง 3.8% ขณะที่ยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8% ด้าน กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนี กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และยังอยู่ในทิศทางที่สดใส

ดัชนีความเชื่อมั่นยูโรโซนที่สำรวจโดย Sentix ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยในแฟรงค์เฟิร์ต ในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 27.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนกกรกฎาคม 2007 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 25.0 ในผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์  จากระดับ 23.9 ในเดือนเมษายน  ด้านดัชนีย่อยภาวะเศรษฐกิจสำหรับยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 34.5  จากระดับ 28.8 ในเดือนก่อน ขณะที่ดัชนีการคาดการณ์ในยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 20.5 จากระดับ 19.3 ในเดือนเมษายน ทั้งนี้  Sentix ได้สำรวจความเห็นนักลงทุนจำนวน 1,063 คนระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

เอเชีย: ญี่ปุ่น

นายทาโร อาโสะ รมว.คลังญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ญี่ปุ่นและจีนเห็นพ้องกันที่จะเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงิน ขณะที่ท่าทีต่อนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และสถานการณ์ตึงเครียดกรณีเกาหลีเหนือกดดันแนวโน้มเศรษฐกิจของเอเชีย นายเสี่ยว เจี๋ย รมว.คลังจีนซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการประชุมไตรภาคีกับรมว.คลังญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เมื่อวันศุกร์เนื่องจากติดการประชุมฉุกเฉินภายในประเทศนั้น ได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมกับนายอาโสะ เพื่อพยายามดับกระแสคาดการณ์ที่ว่า การไม่เข้าร่วมการประชุมของเขามีนัยยะทางการทูต จีนและญี่ปุ่นได้เห็นพ้องกันที่จะดำเนินการวิจัยร่วมกันในด้านที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน และจะรายงานผลการวิจัยในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งจะจัดขึ้นในปีหน้าที่ประเทศจีน พวกเขาไม่ได้หารือในประเด็นต่างๆ อาทิ ค่าเงิน และความเสี่ยงด้านสถานการณ์ตึงเครียดจากโครงการนิวเคลียร์ และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือในระหว่างการเจรจาที่จัดขึ้นนอกรอบการประชุมประจำปีของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น

จีน

ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนปรับขึ้นในเดือนเม.ย.เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และปรับขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาด ในขณะที่กระแสเงินลงทุนที่ไหลออกจากจีนชะลอตัวลง โดยเป็นผลจากมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุนและการที่ดอลลาร์สหรัฐฯชะลอการแข็งค่า การปรับขึ้นของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในเดือนเม.ย.ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้กำหนดนโยบายของจีน หลังจากหยวนทรงตัว ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐไม่ได้ประกาศว่าจีนปั่นค่าเงิน โดยปธน.ทรัมป์ระบุอีกด้วยว่า ดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเกินไป และสิ่งนี้จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐในอนาคต  ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้น 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ 3.03 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนเม.ย. หลังจากปรับขึ้น 3.96 พันล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนมี.ค. สำนักปริวรรตเงินตราของรัฐบาลจีน (SAFE) ระบุในแถลงการณ์ว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเป็นผลจากการที่อุปสงค์และอุปทานในสกุลเงินต่างประเทศอยู่ในภาวะสมดุล และสกุลเงินหลายสกุลแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

จีน

สำนักงานศุลกากรกลางของจีนรายงานในวันนี้ว่า ยอดส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 8.0% ในเดือนเม.ย.ปีนี้เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 10.4% ส่วนยอดนำเข้าของจีนเพิ่มขึ้น 11.9% ต่อปีในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 18.0% ยอดส่งออกของจีนเคยพุ่งขึ้น 16.4% ต่อปีในเดือนมี.ค. และยอดนำเข้าของจีนเคยเพิ่มขึ้น 20.3% ต่อปีในเดือนมี.ค.

ข้อมูลของศุลกากรจีนพบว่า ยอดเกินดุลการค้าในเดือนเม.ย.ของจีนต่อสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 2.134 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 1.774 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนมี.ค. ยอดเกินดุลโดยรวมของจีนเพิ่มสู่ระดับ 3.805 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนเม.ย.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปีในวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลจีนเร่งดำเนินมาตรการปรับลดการใช้เงินกู้ และสกัดกั้นความเสี่ยงในระบบการเงิน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ 3.6% ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2015 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนประเภทอายุ 5 ปีปรับขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 3.5% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2015

อินโดนีเซีย

นายซูเก็ง รองผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียเปิดเผยในการประชุมเศรษฐกิจเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางได้เข้าแทรกแซงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อสกัดการแข็งค่าอย่างมากของรูเปียห์ นายซูเก็งกล่าวว่าช่วงที่ผ่านมา เราทำให้รูเปียห์ไม่แข็งค่ามากเกินไป เพื่อไม่ให้กระทบการส่งออก" เราหวังว่าสิ่งนี้จะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนว่า อินโดนีเซียกำลังดำเนินมาตรการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อปรับปรุงปัจจัยพื้นฐาน

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันจันทร์ (8 พค.) เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้สอดคล้องกับค่าเงินเอเซียส่วนใหญ่ที่แข็งค่าเช่นกันเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่วันนี้ก็ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากนักลงทุนคลายความวิตกเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งนายเอ็มมานูเอล มาครง นักการเมืองสายกลางชนะการเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนเมษายนของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น 211,000 ตำแหน่งซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก็ส่งผลหนุนความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกเช่นกันซึ่งส่งผลบวกต่อความต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงวันนี้

- ดอลลาร์/เยน วันจันทร์ (8 พค.)  เงินเยนแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้หลังจากที่เยนอ่อนค่าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งจากปัจจัยเรื่องความกังวลที่ลดลงหลังการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรกและการคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ ขณะที่ผลการเลิอกตั้งในฝรั่งเศสซึ่งนายเอ็มมานูเอล มาครง ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งส่งผลให้ความไม่แน่นอนต่างๆลดลงจะช่วยให้ความต้องการเงินเยนลดลงในช่วงนี้

- ยูโร/ดอลลาร์ วันจันทร์ (8 พค.) เงินยูโรอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้หลังจากที่ยูโรแข็งค่าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกซึ่งนักลงทุนคาดการณ์ว่านายเอ็มมานูเอล มาครง นักการเมืองสายกลางจะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งผลการเลือกตั้งที่นายเอ็มมานูเอล มาครง ชนะการเลือกตั้ง คาดว่าจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรมีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงนี้

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันจันทร์ (8 พค.)  ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดทรงตัวในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนมุ่งให้ความสนใจไปที่ชัยชนะของนายเอ็มมานูเอล มาครงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.03% สู่ระดับ 21,012.28, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.00% สู่ระดับ 2,399.38 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 0.03% สู่ระดับ 6,102.66

- ตลาดหุ้นเอเซีย วันจันทร์ (8 พค.)  ดัชนีตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นในวันนี้เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส หลังนายเอ็มมานูเอล มาครง นักการเมืองสายกลางชนะการเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนเมษายนของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก็ส่งผลหนุนความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกเช่นกันและส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเอเซียวันนี้ โดยปิดตลาดวันนี้ดัชนีนิกเกอิสูงขึ้น 2.31% หลังตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันที่ 3-5 พ.ค.เนื่องในวันหยุดประจำชาติของญี่ปุ่น โดยปัจจัยจากการที่ช่วงนี้เงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯส่งผลหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกของญี่ปุ่น สำหรับดัชนีฮั่งเส็งวันนี้ปิดเพิ่มขึ้น 0.41% ส่วนดัชนีเซี่ยงไอ้คอมโพสิตวันนี้ปิดลดลง 0.85% ขณะที่นักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น โดยหุ้นส่วนใหญ่ลดลง นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

- ตลาดหุ้นไทย วันจันทร์ ( 8 พค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวขึ้นลงแคบๆโดยมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปิโตรเคมี และพลังงาน และมีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มขนส่ง วัสดุก่อสร้าง เงินทุนและหลักทรัพย์ โดยปิดตลาดวันนี้ SET INDEX ลดลง 1 จุด

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 9 พ.ค. 2560

Written by :

กระแสหุ้นออนไลน์

 

Comments

B

i

u

Quote

Code

List

List item

URL

Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions

Submit Comment