ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น454.97จุด
Print
Wednesday, 25 November 2020 08:17

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 30,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) ปิดที่ 30,046.24 จุด เพิ่มขึ้น 454.97 จุด หรือ +1.54% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,635.41 จุด เพิ่มขึ้น 57.82 จุด หรือ +1.62% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,036.79 จุด เพิ่มขึ้น 156.16 จุด หรือ +1.31% ขานรับความชัดเจนของทิศทางการเมืองสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่

ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 30,000 จุดครั้งแรกเป็นประวัติการณ์ หลังจากปธน.ทรัมป์ได้มอบหมายให้นางเอมิลี เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (General Services Administration - GSA) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่คณะบริหารของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ซึ่งทำให้นายไบเดนสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆที่จำเป็นในการถ่ายโอนอำนาจ เพื่อเปิดทางให้เขาสามารถเข้าทำหน้าที่ในทำเนียบขาวได้อย่างราบรื่น

นักวิเคราะห์จากบริษัทไอรอนไซด์ส แมคโครอิโคโนมิกส์ ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวนายไบเดนมีแผนที่จะเลือกนางเยลเลนเป็นรัฐมนตรีคลังสหรัฐ เนื่องจากอดีตประธานเฟดผู้นี้มีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ มากกว่าที่จะมุ่งเน้นเรื่องการเมืองซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนกังวล นอกจากนี้ นางเยลเลนยังมีความน่าเชื่อถือในการบังคับใช้มาตรการที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงการจัดทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารพาณิชย์

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยแอสตร้าเซนเนก้าเปิดเผยว่า วัคซีนที่บริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด มีประสิทธิภาพ 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ขณะที่ไฟเซอร์ระบุว่า วัคซีน BNT162b2 ที่ไฟเซอร์พัฒนาร่วมกับบริษัท BioNTech นั้น มีประสิทธิภาพมากถึง 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งสูงกว่าวัคซีนของโมเดอร์นา อิงค์ ที่มีประสิทธิภาพ 94.5%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 7% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2557 หลังจากเพิ่มขึ้น 5.8% ในเดือนส.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และรายงานการประชุมวันที่ 4-5 พ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

avatar Karine
0
 
 
Your style is really unique compared to other folks I've read stuff from.
Thanks for posting when you have the opportunity, Guess I'll just bookmark this web site.


Feel free to visit my homepage ... عطر مردانه
Post Reply
B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
Cancel
B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment