นางสาวสุจารี จันทร์สว่าง กรรมการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า การเติบโตของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปัจจุบันยังมีปัจจัยหนุนของการเติบโตคือ การที่โครงสร้างของประชากรที่เปลี่ยนไปโดยเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุมากขึ้น และการเป็นครอบครัวมากขึ้น ทำให้การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุมีความสำคัญ แต่ในปัจจุบันยังขาดการวางแผนเพื่อการเกษียณอายุ รวมทั้งรูปแบบการลงทุนเพื่อความมั่นคงนั้นยังเน้นไปที่ตราสารหนี้ในสัดส่วนที่สูง ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเงินเฟ้อ และไม่เติบโตพอเพื่อใช้ในการเษียณ

          ดังนั้น บลจ.อเบอร์ดีนจึงได้ขยายการให้บริการมาสู่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในรูปแบบกองทุนหลายนายจ้าง (Pooled Fund ) และกองทุนเดี่ยว (Singer Fund) เปิดให้มีการเลือกแผนการลงทุนที่สอดคล้องกับสมาชิกแต่ละคน (Employee's Choice) ผ่านการลงทุนใน 4 กองทุนของ บลจ.อเบอร์ดีน ได้แก่ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น (กองทุนตราสารตลาดเงิน) กองทุนเปิดอเบอร์ดีน อินคัม ครีเอชั่น (กองทุนตราสารหนี้) กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกรท (กองทุนตราสารทุนในประเทศ) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชียแปซิฟิก เอควิตี้ ฟันด์ (กองทุนตราสารทุนต่างประเทศ)

          “ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ถึง 70% เมื่อเทียบกับประเทศมาเลเซียที่ลงทุนในตราสารทุนถึง 70% ซึ่งไม่เพียงพอที่จะสร้างผลตอบแทนไว้ใช้ในยามเกษียณและไม่ชนะเงินเฟ้อได้ ดังนั้น ประโยชน์ของการลงทุนแบบ Employee's Choice จึงเป็นการให้เลือกลงทุนตามความต้องการของตนเอง”

          นางสาวสุจารี ยังกล่าวต่อว่า ตอนนี้ระบบ Employee's Choice มีพร้อมแล้วแต่ยังขาดการกระตุ้นให้ลูกจ้างได้เข้ามาลงทุน ซึ่งมองว่าธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีก โดยปัจจุบันกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ อเบอร์ดีนมีลูกค้า 1 ราย เป็นบริษัทขนาดใหญ่มีลูกจ้างเป็นสมาชิกกองทุนอยู่จำนวน 30,000 ราย ขนาดกองทุน 3,300 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11% ต่อปีในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อเบอร์ดีน มาสเตอร์ พูลนั้นจะเน้นหาบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางให้ได้ขนาดประมาณ 50-200 ล้านบาท เป็นกลุ่มบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก ซึ่งตั้งเป้าเติบโตอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท ทั้งกองทุนแบบ Pooled Fund และแบบ Singer Fund โดยในช่วงต้นปีหน้าคาดว่า Pooled Fund จะโตที่ 1000 ล้านบาท

    ทั้งนี้ สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ในส่วนของกองทุนรวมปัจจุบัน ณ วันที่ 14 กันยายน 2555 อยู่ที่ 22,900 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจากกองทุนหุ้นเป็นหลัก แต่เมื่อรวมทุกธุรกิจแล้วอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะโตได้อีก

Written by :

กระแสหุ้นออนไลน์

 

Comments

B

i

u

Quote

Code

List

List item

URL

Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions

Submit Comment