ป.ป.ช.ฟันอาญา“บ.ไร่ส้ม-สรยุทธ์-พนง.อสมท”โฆษณาเกิน138ล. |
![]() |
Thursday, 20 September 2012 22:12 | |||
ที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเรื่องกล่าวหาพนักงาน บมจ.อสมท ช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญา โดยไม่เรียกเก็บเงินค่าโฆษณาที่เกินเวลา
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช.แถลงผลการประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุมพิจารณาเรื่องกล่าวหา นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ บมจ.อสมท กับพวก กรณีช่วยเหลือ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาเกินกำหนดเวลาในสัญญาเป็นเงิน 138,790,000 บาท โดยมีการแก้ไขใบคิวช่วยเหลือบริษัทไร่ส้มฯ ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง น.ส.มณฑา ธีระเดช และบริษัทไร่ส้มฯ ทำให้ บมจ.อสมทได้รับความเสียหาย ตามที่อนุกรรมการไต่สวนชุดที่มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน เสนอ
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เดือนมิ.ย.46 บมจ.อสมท.ทำสัญญาว่าจ้างนายสรยุทธเป็นพิธีกรแบบรายวัน ในปี 47 นายสรยุทธตั้งบริษัทไร่ส้มฯ ขึ้นมาผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” กับบมจ.อสมท โดยทำสัญญา 2 ช่วง ช่วงแรก ออกอากาศทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ โดยมีการตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้บริษัทไร่ส้มฯ ครั้งละ 5 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินต้องชำระค่าโฆษณาเกินให้ บมจ.อสมท ในอัตรานาทีละ 200,000 บาท ช่วงที่สอง ออกอากาศทุกวันจันทร์-วันศุกร์ โดยมีการตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้บริษัทไร่ส้มฯ ครั้งละ 2.30 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินต้องชำระค่าโฆษณาเกินให้ บมจ.อสมท ในอัตรานาทีละ 240,000 บาท
ทั้งนี้ จากการไต่สวนปรากฎว่า นางพิชชาภาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียวในการจัดทำคิวโฆษณารวม ได้ให้ความช่วยเหลือ บริษัทไร่ส้มฯ โดยไม่รายงานการโฆษณาเกินของ บริษัทไร่ส้มฯ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.48 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.49 ในการนี้ จากการไต่สวนยังพบว่านายสรยุทธได้ลงลายมือชื่อ สั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาติ สาขาพระรามสี่จ่ายเงินให้กับนางพิชชาภา โดยมีการทำเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้รวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 739,770.50 บาท เพื่อตอบแทนที่นางพิชชาภามิได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัทไร่ส้ม
ต่อมาในเดือน ก.ค.49 ผู้บริหาร บมจ.อสมทเรียกนางพิชชาภามาสอบ ซึ่งได้ยอมรับว่ามีการใช้น้ำยาลบคำผิดเฉพาะคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของบริษัทไร่ส้มฯ เพื่อปกปิดความผิดที่ได้กระทำขึ้นตามคำแนะนำของนายสรยุทธและ น.ส.มณฑา แม้หลังจากนั้นบริษัทไร่ส้มฯได้ชำระเงินค่าโฆษณา บมจ.อสมท วันที่ 31 ส.ค.และวันที่ 15 ก.ย.ในปี 49 เป็นเงิน 103,953,710 บาท โดยบริษัทไร่ส้มฯ ขอหักส่วนลด 30% จากยอดทั้งหมด 138,790,000 บาท แต่ทาง บมจ.ไม่ยินยอม เพราะบริษัทไร่ส้มไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกันไว้ จึงขอคิดดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมเป็นเงินที่บริษัทไร่ส้มฯ ต้องจ่ายต่อ บมจ.อสมท 152,969,497.67 บาท จากนั้นในปี 51 บริษัทไร่ส้มฯ ได้ฟ้องต่อศาลปกครอง ขอเรียกเงินคืนจาก บมจ.อสมท โดยอ้างว่า สัญญาระหว่าง บมจ.อสมทกับบริษัทไร่ส้มฯ มีการแบ่งค่าโฆษณากันคนละครึ่ง แล้วทางบมจ.อสมทก็โฆษณาเกินเวลาเช่นกัน เรื่องนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลปกครอง
นายกล้าณรงค์ ระบุว่า ที่ประชุมป.ป.ช.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วมีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ว่า นางพิชชาภา (หรือนางชนาภา บุญโต) มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา 6, 8 และ 11 น.ส.อัญญา หรือสาริศา อู่ไทย ซึ่งเป็นหัวหน้างานและเป็นผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้าของนางพิชชาภา มีมูลความผิดทางวินัย ฐานประมาทเลินเล่อ ส่วนทางอาญาขาดเจตนา ให้ยกคำร้อง
ส่วนนายสรยุทธและน.ส.มณฑา ซึ่งได้ใช้ให้นางพิชชาภาไม่ต้องรายงานการโฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และบริษัทไร่ส้มฯ ในฐานะนิติบุคคล จึงมีมูลความผิดฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6,8 และ 11 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ป.ป.ช.จึงมีมติให้ส่งเรื่องไปให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีทางอาญาต่อไป
|
Comments