| ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2562 จำนวน9,347ล้าน |
|
| Friday, 19 July 2019 09:16 | |||
|
ในปี 2562 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผลพวงของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงและความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศหลัก รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง กอปรกับแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนที่น่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จลุล่วง โดยความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และความชัดเจนของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2562 ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 9,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 จากไตรมาส 2 ปี 2561 โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.36 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 1.0 สาเหตุหลักจากกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงเล็กน้อยจากค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ซึ่งลดลงตามสภาวะตลาดทุน ขณะที่ค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมเพิ่มขึ้น ทำให้สัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและสัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้จากการดำเนินงานยังคงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 57 และร้อยละ 43 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความตั้งใจในการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 45.3 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,017,314 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เป็นการลดลงของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจและสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.5 อยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลกระบวนการอำนวยการสินเชื่อ พร้อมทั้งบริหารคุณภาพสินเชื่อควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ร้อยละ 185.8 ธนาคารยังคงรักษาสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 เงินรับฝากมีจำนวน 2,352,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 85.7 ด้านเงินกองทุน หากนับกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 รวมเข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 19.1 ร้อยละ 17.6 และร้อยละ 17.6 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ Bangkok Bank reports second quarter 2019 net profit of Baht 9,347 million In 2019, the Thai economy is forecast to expand more slowly than in 2018. Slowing global growth, uncertainty over international trade policies and the persistently strong baht have weighed on both exports and tourism. However, the Thai economy is underpinned by the continued expansion in private consumption. In addition, following the successful formation of the new cabinet, the outlook for private investment should brighten in line with rising business confidence supported by government policy continuity, especially with regard to ongoing infrastructure investment and greater clarity on the Eastern Economic Corridor (EEC). For the second quarter of 2019, Bangkok Bank and its subsidiaries reported a net profit attributable to owners of the Bank of Baht 9,347 million, an increase of 1.7 percent from the second quarter of 2018. Net interest income increased by 0.4 percent and the net interest margin improved slightly to 2.36 percent. Non-interest income decreased by 1.0 percent as a result of lower gains on tradings and foreign exchange transactions and a minimal decline in net fees and service income. The decline in net fees and service income was caused by lower fees from securities business in line with the capital market situation, while fees from bancassurance and mutual funds increased. Consequently, the ratios of net interest income and non-interest income to operating income continued to stand at about 57 percent and 43 percent, respectively, and were at similar levels to the same period last year, as a result of the Bank’s intention to diversify its source of income. The ratio of expense to operating income stood at 45.3 percent. At the end of June 2019, the Bank’s loans amounted to Baht 2,017,314 million, a slight decrease from the previous quarter, owing to a decline in loans to businesses and loans made through the Bank’s international network. The ratio of non-performing loan (NPL) to total loans was 3.5 percent, the same level as the previous quarter. The Bank continued to focus on prudent control over credit underwriting and to ensure loan quality and the allowance for doubtful accounts to maintain at the appropriate level. The ratio of loan loss reserves to NPL was 185.8 percent. The Bank continues to maintain liquidity and capital at a sufficient level to support future business expansion, at the end of June 2019, total deposits amounting to Baht 2,352,679 million, an increase of 0.5 percent. Meanwhile the loan to deposit ratio stood at 85.7 percent. In terms of capital, with the inclusion of net profit for the six months ending June 30, 2019, the total capital adequacy ratio, the Common Equity Tier 1 capital adequacy ratio and the Tier 1 capital adequacy ratio of the Bank and its subsidiaries were approximately 19.1 percent, 17.6 percent and 17.6 percent, respectively. These capital adequacy ratios are above the Bank of Thailand’s minimum capital requirements.
|
Comments