Monday, 19 April 2010 09:12 |
บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด รายงานภาวะตลาดหุ้นวันนี้(19เม.ย.53) ว่า แม้นับแต่ประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน SET จะร่วงไปแล้วเกือบ 80 จุด (จาก 812 เหลือ 736 จุด) แต่ดูเหมือนแรงขายจะไม่สะเด็ดน้ำง่ายๆ มีความเสี่ยงสูงที่อย่างน้อย SET ต้องถอยกลับไปแถวๆ 700 จุด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ฝรั่งเริ่มซื้อ สถานการณ์บ้านเมืองของเราที่ดูเหมือนจะเข้าสู่ทางตันไปทุกที การเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ดูเหมือนยากเหลือเกิน ตรงข้ามกับปฏิวัติที่กลายเป็นประเด็นขึ้นมา
ประเด็นสำคัญวันนี้และสัปดาห์นี้ Banking 1Q10 Earnings Preview การเมืองไทย มีแต่ “ถอยหลังลงคลอง” แม้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงใดก็ตาม แต่สถานการณ์โดยรวมจากนี้ไปกลับดูตึงเครียดมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่เป็นความขัดแย้งเฉพาะระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มเสื้อแดง แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีความไม่ลงรอยกันมากขึ้นระหว่างรัฐบาลกับทหาร (หลังนายกฯมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารจัดการในศูนย์อำนวยการบิหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)) และประชาชนกับประชาชน (กลุ่มเสื้อเหลืองประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าจะให้เวลารัฐบาล 7 วันในการแก้ปัญหาคนเสื้อแดงมิฉะนั้นจะออกมาเคลื่อนไหวเอง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง อาจสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดปฏิวัติรัฐประหารเหมือนเมื่อ 19 ก.ย.06 ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ทหารใช้เพื่อป้องกันประชาชนปะทะกัน)
3 เหตุการณ์สำคัญสัปดาห์นี้ งบแบงก์ ดอกเบี้ย & XD 1) สัปดาห์แห่งเทศกาลประกาศงบ1Q10 ของกลุ่มแบงก์ คาดกำไรของ 7 ธนาคารที่เราดูแลโต 16% y-y และ 7% q-q เด่นสุดคือ BAY (ดูตารางบนสุดขวามือประกอบ) แต่ราคาหุ้นอาจถูกกดดันจากการเมือง 2) คาดพุธนี้คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25%เป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกัน เพื่อรอประเมินผลกระทบทางการเมืองก่อน และ 3) ปิดท้ายด้วยการขึ้นเครื่องหมาย XD ตลอดสัปดาห์ของ 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ ได้แก่ IRPC BAY & TCAP วันนี้และ BBL & KTB วันพฤหัสฯ (ดู Calendar หน้า 16) โดยรวมมีผลต่อ SET 2 จุด
สรุปภาพตลาดวานนี้ ขนหัวลุก ที่ SET หลุด 740 จุด หลังฝรั่งกระหน่ำขายไม่เลิกอีก 1.5 พันลบ. นับแต่รัฐบาลประกาศใช้ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” เป็นเวลา 4 วันทำการ (8-16 เม.ย.) ฝรั่งขายสุทธิหุ้นไทยรวม6.7 พันลบ. กด SET ร่วงไป 9% หรือ 76 จุด (จาก 812 เหลือ 736 จุด) อีกหนึ่งสัญญาณอันตราย คือ มูลค่าการซื้อขายของฝรั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพุ่งเป็น 41% ของตลาด (vs.ปกติ 20-25%) ซึ่งบังเอิญไปใกล้เคียงกับช่วงวิกฤติซัพไพร์มของสหรัฐฯเมื่อกลางปี 2008 ที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงไทย ตกระเนระนาด อย่างไรก็ตาม “วิกฤติ” ครั้งนี้แก้ได้ หาก “คนไทย” หันมา “เจรจา” เพื่อยุติปัญหาการเมือง
“ขยะใต้พรม” จากปัญหาซัพไพร์มกระทบหุ้นสถาบันการเงิน กด DJ ร่วง 126 จุดคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ (SEC) ยื่นฟ้องสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Goldman Sachs (GS) ในข้อหาฉ้อโกงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีสินเชื่อซับไพร์มหนุนหลัง ซึ่งข่าวดังกล่าวสร้างความไม่แน่นอนว่าอาจมีสถาบันการเงินอื่นถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับ GS หรือไม่ กดให้ DJ ร่วงไป 1.1% และ MSCI WorldIndex ลบไป 1.6% เช่นเดียวกับราคาน้ำมัน NYMEX ที่ร่วงลงไปเกือบ 3% @USD83.24/bbl เพราะวิตกข่าวดังกล่าว และส่วนหนึ่งโยกไปเก็งกำไร USD แทน
|
Comments