ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง63.20จุด
Print
Saturday, 09 February 2019 09:13

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) ที่ 25,106.33 จุด ลดลง 63.20 จุดหรือ -0.25% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,707.88 จุด เพิ่มขึ้น 1.83 จุดหรือ +0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,298.20 จุด ปรับตัวขึ้น 9.85 จุดหรือ +0.14% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดไม่สามารถปรับตัวขึ้น

นักลงทุนในตลาดยังคงให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับความคืบหน้าของการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน โดยแหล่งข่าวจากรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีแนวโน้มอย่างมากที่จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันเส้นตายวันที่ 1 มี.ค. ที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดไว้สำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ถึงแม้ว่าผู้นำสหรัฐและจีนจะมีโอกาสพบกัน แต่ขณะนี้มีงานที่ต้องทำอย่างมาก และเหลือเวลาน้อยเกินไปในการทำข้อตกลงกับจีน นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังต้องเตรียมการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในช่วงปลายเดือนนี้ด้วย

ทั้งนี้ หากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

ตลาดมีความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวด้วย หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 1.3% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 1.9% ในปีที่แล้ว และคาดว่าในปีหน้า เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวที่ระดับ 1.6% ขณะที่ก่อนหน้านี้ EC คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัว 1.9% ในปีนี้ และ 1.7% ในปีหน้า

EC ยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของ EU ซึ่งไม่รวมสหราชอาณาจักร จะขยายตัวเพียง 1.5% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 2.1% ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะดีดตัวสู่ระดับ 1.8% ในปีหน้า โดย EC ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงนั้น มาจากผลกระทบของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ และหนี้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรกของปีนี้ คาดว่าจะลดลงมากกว่า 1%

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 3 วันติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. โดยหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ปรับตัวลงมากที่สุด โดยร่วงลง 2.6% อย่างไรก็ตาม ทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวเข้าสู่แดนบวกได้ในช่วงท้ายตลาด

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment