| ดัชนีดาวโจนส์ปิดดิ่งเหว2,352.60จุด |
|
| Friday, 13 March 2020 08:25 | |||
|
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (12 มี.ค.)ที่ 21,200.62 จุด ดิ่งลง 2,352.60 จุด หรือ -9.99% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,480.64 จุด ลดลง 260.74 จุด หรือ -9.51% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,201.80 จุด ลดลง 750.25 จุด หรือ -9.43% ทำสถิติดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่ตลาดวอลล์สตรีทเผชิญวิกฤต "แบล็คมันเดย์" เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2530 โดยภาวะการซื้อขายเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปเข้าสู่สหรัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 และได้ฉุดหุ้นกลุ่มสายการบินดิ่งลงอย่างหนัก ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันแบล็คมันเดย์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2530 หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศมาตรการระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปทั้งหมด ยกเว้นสหราชอาณาจักร ในช่วง 30 วันข้างหน้า โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ตำหนิสหภาพยุโรป (EU) ที่ไม่ดำเนินมาตรการควบคุมการเดินทางจากจีนตั้งแต่ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด มาตรการดังกล่าวของ ทรัมป์ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างตื่นตระหนกตลอดทั้งวัน และยังเป็นสาเหตุให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กต้องใช้ระบบ circuit breaker เพื่อพักการซื้อขายเป็นเวลา 15 นาทีหลังจากตลาดทรุดตัวลงอย่างหนัก นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการประกาศอัดฉีดเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบธนาคารเพื่อหวังลดผลกระทบของโควิด-19 นั้น ยังไม่สามารถบรรเทาความวิตกกังวลในตลาดได้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ ECB ได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก็ตาม
|
Comments