Daily View - บล.กสิกรไทย |
![]() |
![]() |
![]() |
Thursday, 12 July 2018 09:31 | |||
ตลาดยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผันผวนในระหว่างวัน หากจีนประกาศมาตรการตอบโต้ อย่างไรก็ตามยังคงมองประตูการเจรจายังคงเปิดกว้าง หากมีความคืบหน้าในการนัดเจรจา ตลาดจะตอบรับเชิงบวก คาดกรอบการเคลื่อนไหว SET Index ในวันนี้จะอยู่ระหว่าง 1,630-1,640 จุด เลือกหุ้นเก็งงบ MTC MEGA และหุ้นรับเหมา STEC เป็น Top Pick จีนยังไม่มีการออกมาตรการตอบโต้ ทำให้สถานการณ์สงครามการค้านิ่งชั่วคราว : หลังจากที่สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ออกแถลงการณ์ สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเป็น 10% วงเงินกว่า 2 แสนล้านเหรียญ จนสร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลกนั้น ปฎิกิริยาจากฝั่งจีนตอนนี้มีเพียงกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ว่าจีนจะใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็นและขอประท้วงการกระทำของสหรัฐ โดยจะนำเรื่องนี้ฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ยังคงมองการเดินหน้าลุยของสหรัฐในครั้งนี้ จะเป็นการนำไปสู่การเจรจาครั้งสำคัญ ล่าสุด เควิน เบรดี ซึ่งเป็นสมาชิกและเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในพรรครีพับลิกัน ได้ออกมาเรียกร้องให้ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และ ปธน.สีจิ้นผิง หันหน้ามาเจรจากัน เพื่อหาทางออกสำหรับการค้าที่ยุติธรรม แม้การตอบโต้ไปมาจะเป็นปัจจัยรบกวนที่ทำให้ตลาดตกใจในแต่ล่ะวัน แต่คาดว่าด้วยความหวังว่าจะเกิดการเจรจาก่อนที่จะเริ่มเก็บภาษีก้อน 2 แสนล้านเหรียญจริงใน ก.ย. จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกไม่เกิดการปรับลงรุนแรงมากนัก โดยมีความเป็นไปได้ที่จะแกว่งตัวออกข้างเพื่อรอความชัดเจนของสถานการณ์ ราคาน้ำมัน WTI ร่วง 5% คาดจะกระทบต่อกลุ่มพลังงานแค่ในระยะสั้น : แม้ราคาน้ำมันจะเกิดประเด็นลบทั้งความกังวลสงครามการค้าหลังสหรัฐเตรียมจัดหนักเก็บภาษีนำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญ และการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวันของซาอุดิอาระเบีย จนทำให้น้ำมัน WTI ปรับร่วงรุนแรงกว่า 5% มองการปรับลงของราคาน้ำมันเป็นการตกใจชั่วคราว ปัจจุบันราคายังอยู่ที่ 70 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งเท่ากับสมมติฐานราคาน้ำมันปี 2561 ของ KS Research ด้วยสภาวะอุปสงค์และอุปทานน้ำมันโลกที่ตึงตัวมากขึ้น (สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐล่าสุดปรับลงมากกว่าที่ตลาดคาดถึง 12.6 ล้านบาร์เรล) คาดว่าราคาน้ำมันจะมุ่งสู่ระดับ marginal cost ซึ่งมีวัฏจักรด้านราคาอยู่ที่ 70 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรลสำหรับผู้ผลิตน้ำมันหินดินดานสหรัฐฯ (shale oil) เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันจะทรงตัวใกล้ 70 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล แรงกดดันจากราคาน้ำมันต่อกลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP รวมไปถึงกลุ่มปิโตรเคมี PTTGC และ IVL คาดว่าจะเป็นแค่ระยะสั้นการปรับลดลงของราคาจะเป็นโอกาสในการเข้าเก็บสะสมเพื่อเก็งกำไรรอบใหม่อีกครั้ง ข่าวดีสำหรับกลุ่มรับเหมาฯมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คาดครึ่งปีหลังมีโอกาสเห็นความคืบหน้างานประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐหลายโครงการ : วานนี้มีรายงานข่าว ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ไปมอบนโยบายให้กับกระทรวงคมนาคม โดยเร่งรัดให้ดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานต้องแล้วเสร็จภายใน 7-8 เดือนก่อนการเลือกตั้ง มองเป็นข่าวบวกต่อกลุ่มรับเหมาโดยรวม ต่อเนื่องจาก มติ ครม. ปรับแก้วิธีปฎิบัติตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง คาดว่านับจากนี้จะเห็นการเร่งเดินเครื่องเข็นงานประมูลงานสำคัญๆทั้ง รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก โครงการทางด่วนดาวคะนอง-กาญจนาภิเษก มอเตอร์เวย์ 2 เส้น รถไฟฟ้าไฮสปีดเชื่อม 3สนามบิน และรถไฟรางคู่ 9 เส้นทาง ยังคงคำแนะนำให้ ซื้อ STEC มูลค่าพื้นฐาน 27 บาท และ CK มูลค่าพื้นฐาน 29 บาท
กลยุทธ์การลงทุน: คาด SET Index วันนี้จะถูกจำกัดในกรอบ 1,630 - 1,640 จุด ยังคงมองดัชนีไม่น่าลงไปต่ำกว่า Forward PER 14.3 ที่ 1,610 จุดได้มากนัก ดังนั้นการปรับปรับฐานในรอบนี้จะเป็นโอกาสซื้อ แบ่งเป็นระยะสั้น Selective Buy เน้นเน้นไปที่หุ้นผลประกอบการเด่น MTC MEGA และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว STEC เป็น Top Pick วันนี้ ส่วนระยะกลางถึงยาว ให้เน้นไปที่กลุ่มหุ้น Monthly Pick ของ KS Research ที่ยังมี Upside สูง เช่น BBL KTB MTC ORI LH AP SPALI QH CPN CPALL BEAUTY BEM KCE HANA IVL
Daily Picks Daily Picks Trading Target MTC 38.00 STEC 22.00 MEGA 43.25
Monthly pick BBL CPN KTB CPALL MTC BEAUTY ORI BEM LH KCE AP HANA SPALI IVL
KS Daily Portfolio KS Daily Portfolio ถือ STEC BBL MTC และเงินสด 40% 1. หุ้นที่อิงกับ Investment Cycle BBL รายงานกำไรไตรมาส 1/2561 ที่ 9 พันลบ. (+8.4% YoY และ 6% QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดและเราคาด ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียม กำไรจาการลงทุน และรายได้อื่นๆที่สูงกว่าคาด ผู้บริหารยังเป้าการเงินไว้ตามเดิม โดยการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่เลขหลักเดียว และเป้าเติบโตของสินเชื่อที่ 5-6% คาดว่าธุรกิจสินเชื่อจะเป็นแรงหนุนให้เกิดการขยายตัวในครึ่งปีหลัง STEC คาดราคาหุ้นจะตอบสนองต่อ มติ ครม. เกี่ยวกับประเด็น พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ลดความกังวลว่าจะเป็นการเพิ่มขั้นตอนและทำให้การประมูลโครงการต่างๆล่าช้า คาดนับจากนี้จะได้เห็นการเข็นงานประมูลออกมามากขึ้นในครึ่งปีหลัง หนุนการฟื้นตัวของ STEC นอกจากนี้ด้วย Backlog ที่มีอยู่ 1.2 แสนล้านบาทจะเริ่มเห็นการเร่งรับรู้รายได้ในตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2561 และยาวไปจนถึง 2563 หนุนกำไรเติบโตต่อเนื่อง 2. หุ้นผลประกอบการเด่น MTC คาดว่า MTC จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2561 ที่ 862 ลบ. เพิ่มขึ้น 51% YoY และ 3% QoQ คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาสต่อไปจะยังเติบโตสูงขึ้นในเชิง QoQ เนื่องจากบริษัทฯ ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดจากคู่แข่งซึ่งเป็นผู้เล่นในระดับพื้นที่ได้ต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากความประหยัดต่อขนาดมากขึ้นจากเครือข่ายขนาดใหญ่ ขณะที่ยังควบคุมคุณภาพทรัพย์สินได้ดี คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมายที่ 48.00 บาท และคงมุมมองเดิมที่คาดว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่พรบ.นอนแบงก์ จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 15%
Analyst (s)
ประกิต สิริวัฒนเกตุ This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
KS Research Team
Kasikorn Securities PCL
โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 12 ก.ค. 2561
|
![]() | Today | 1319 |
![]() | All days | 1319 |
Comments