บล.กรุงศรีอยุธยา : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 28/01/53
Market Recap and Trend: SET มีแนวโน้มผันผวนต่อเนื่องแม้ระยะสั้นจะอยู่ในภาวะ Oversold ทางเทคนิค SET ปรับลดลงต่อเนื่องอีก 1.6% เมื่อวานนนี้ ซึ่งประเด็นที่กดดันตลาดยังเป็นปัจจัยเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลต่อความรุนแรงทางการเมือง โดยกลุ่มคนเสื้อแดงมีแผนชุมนุมที่หน้ากองทัพบกในวันศุกร์ที่ 29 ม.ค.นี้ ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ยังอ่อนแอ ทั้งนี้มูลค่าการซื้อขายลดลงมาอยู่ที่ระดับ 16,881 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิ 527 ล้านบาท แม้ว่า SET จะอยู่ในภาวะ Oversold ทางเทคนิค และอาจคาดหวังการ Rebound ได้บ้าง อย่างไรก็ตามการ Rebound จะเป็นไปอย่างจำกัด และคาดว่าความผันผวนของ SET จะยังอยู่ในระดับสูงตลอดช่วงเดือน ก.พ.นี้ โดยปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไป ยังเป็นความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมือง ทั้งจากในสภาฯ และนอกสภาฯ สำหรับตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนนี้ปรับสูงขึ้น 0.41% เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ FED คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อเนื่อง ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
Investment Strategy: หุ้นกลุ่มหลักแนะนำแค่ Trading จังหวะการ Rebound ระยะสั้นๆ...ยังเน้นการเข้าสะสมกลุ่มหุ้นปันผลต่อเนื่อง เราแนะนำนักลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 60% ของพอร์ตต่อเนื่อง และถึงแม้เราจะคาดหวังการ Rebound ของ SET บ้างหลังจากปรับลดลงมาแล้ว 60 จุด ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เรามองว่าระยะการ Rebound จะเป็นไปอย่างจำกัดที่บริเวณ 710-720 จุด เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีความกังวลต่อ 1. ความกังวลต่อปัญหาการเมืองทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ และ 2. ความอ่อนไหวของตลาดหุ้นภูมิภาคต่อนโยบายลดความร้อนแรงเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยภูมิภาคปรับสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้...ทั้งนี้เรายังแนะนำนักลงทุนทยอยสะสมกลุ่มหุ้นปันผลสูงอย่าง KK, DCC, TICON, BCP, ADVANC (ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล4.0% สำหรับผลการดำเนินงาน 2H09 และ 7.6% สำหรับทั้งปี 2009), TNH, NOBLE, และ HEMRAJ ต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มหุ้นหลักแนะนำเพียงแค่ Trading ในจังหวะการ Rebound ของตลาดเท่านั้น
Top Picks PTT PTTEP BANPU TOP PTTAR BBL KBANK SCB KTB TISCO DCC SCC LH QH AP PS SPALI KSL TUF CPALL AOT STANLY SAT TTA MINT
Futures Strategy : เล่น Trading Long ระยะสั้นๆ โดยมีแนวต้านที่ 485-490 จุด
AUTO : SCIB มี Sentiment แข็งแกร่งที่สุดใน Auto Matrix
ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดเพิ่มขึ้น ดัชนีเฉลี่ยดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 0.41% เช่นเดียวกับ S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.49% โดยได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) อยู่ในกรอบ 0-0.25 % ในการประชุมวานนี้ โดยย้ำว่าเฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่การว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุ การตัดสินใจของเฟดไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด แต่แนวโน้มที่ดีขึ้นของแถลงการณ์เฟดได้ช่วยหนุนบรรยากาศหลังได้รับผลกระทบจากข่าวที่ไม่คาดคิดจากรัฐบาลสหรัฐในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งทำให้ตลาดหุ้นร่วงลง • ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดลดลง 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.39% มาที่ 73.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยทางเทคนิค และตัวเลขผลิตภัณฑ์น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบดิ่งลง 3.9 ล้านบาร์เรล สู่ 326.7 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ม.ค., สต็อกน้ำมันกลั่น เพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล สู่ 157.5 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล สู่ 229.4 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมัน heating oil เพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สู่ 41.2 ล้านบาร์เรลและอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.1 % สู่ 78.5 % • ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโร ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)เปิดเผยว่า เฟดตั้งใจที่จะยุติโครงการปล่อยกู้ฉุกเฉินและการซื้อสินทรัพย์ รวมทั้งแสดงความเห็นในเชิงบวกมากขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ตลาดมุ่งความสนใจไปที่การแถลงนโยบายประจำปีของปธน.โอบามาในเช้าวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาประเทศไทยรวมถึงการลงมติของวุฒิสภาสหรัฐเพื่อยืนยันการแต่งตั้งนายเบน เบอร์นันเก้ เป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 • ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดลดลง 87 จุดมาที่ 3118 จุด รายงานภาคการผลิตที่ดีขึ้นโดยเฉพาะสหรัฐสร้างความเชื่อมั่นในการสต๊อกวัตถุดิบของผู้ผลิตทั่วโลกช่วยผลักดันค่าระวางเรือให้มีทิศทางขาขึ้นในช่วงนี้
|
Comments