บล.กิมเอ็ง : TPIPL แนะนำถือ ประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 9.5 บาท
ไตรมาส 4/52 มีกำไรปกติ 344 ล้านบาท (+10%qoq, +107%yoy) บมจ. ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/52 มีกำไรสุทธิที่สูงถึง 2,866 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.44 บาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 443% และ ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 92 ล้านบาท ถ้าหากตัดรายการพิเศษ คือ กำไรจากการซื้อหนีคืน จำนวน 2,483 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 44 ล้านบาท TPIPL จะมีกำไรปกติที่ยังอยู่ในระดับน่าผิดหวังเท่ากับ 344 ล้านบาท (+10%qoq, +107%yoy) โดยยอดขายของ TPIPL ในไตรมาสนี้ปรับลดลงเหลือ 5,200 ล้านบาท (-4%qoq, -4%yoy) แม้ว่าความต้องการปูนซีเมนต์ และ ราคาปิโตรเคมี ในไตรมาสสี่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 22.3% จาก 21.2% ในไตรมาสก่อน และ 20.6% ในปีก่อน
การไต่สวนเพื่อสืบหาทรัพย์บังคับคดี นัดอีกที่ 22 ก.พ. 2553 การบังคับคดีจ่ายเงินค่าปรับ 6,900 ล้านบาท อยู่ในกระบวนการศาลชั้นต้น เกี่ยวกับการไต่สวนเพื่อสืบหาทรัพย์สินการบังคับคดีนี้ ขณะนี้ยังต้องรออัยการโจทก์ ไต่สวนสืบหาทรัพย์ของบริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จำเลยคดีเดียวกันนี้ ซึ่งศาลสั่งปรับเงิน 6,900.3 ล้านบาทเช่นเดียวกัน โดยศาลชั้นต้น นัดพร้อมคู่ความและไต่สวนสืบหาทรัพย์สิน บมจ. สเติร์น วันที่ 22 ก.พ.53 เวลา 09.00 น.
ฐานะการเงินดีขึ้นมาก หลังประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้ จากข้อมูลในงบการเงิน ปี 2551 TPIPL มีหนี้ภายใต้สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ 6,342 ล้านบาท หนี้ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล 3,807 ล้านบาท และ ดอกเบี้ยค้างจ่ายภายใต้สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ 2,049 ล้านบาท หนี้เงินกู้เบิกเกินบัญชี 560 ล้านบาท รวมเป็นหนี้สินรวม 12,758 ล้านบาท (ไม่รวมหนีค่าปรับ 6,900 ล้านบาท) แต่จากการประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ภาระหนี้ ณ สิ้นปี 2552 ลดลงเหลือเพียง 5,443 ล้านบาท (ไม่รวมหนี้ค่าปรับ 6,900 ล้านบาท) และ มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ปี 2552 เท่ากับ 3,117 ล้านบาท
ยังมีความเสี่ยงสูงเรื่องการบังคับคดี แนวโน้มผลประกอบการปี 2553 ประเมินว่าจะดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันที่ 7.75 บาท ซื้อขาย P/E ปี 2553 เท่ากับ 8.1 เท่า ต่ำกว่าหุ้นอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ด้วยกัน เราประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 9.5 บาท บนฐาน P/E ปี 2553 เท่ากับ 10 เท่า ในขณะที่มูลค่าบัญชีต่อหุ้น (หลังจากหักการตีค่าสินทรัพย์เพิ่ม) เท่ากับ 11.86 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันแม้ว่าจะต่ำกว่าราคาเหมาะสม แต่ มีความเสี่ยงสูงเรื่องการบังคับคดียึดทรัพย์ ดังนั้น เรามีมุมมองในลักษณะเป็นกลาง คือ แนะนำ ถือ
|
Comments