Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Economic View สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย PDF Print E-mail
Tuesday, 29 November 2016 10:37

Snapshot

 

ยุโรป: สหภาพยุโรป

นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB กำลังพิจารณาแนวทางในการรักษาระดับในการใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินในการประชุมวันที่ 8 ธ.ค. โดนนายดรากีกล่าวว่า กรรมการ ECB จะทำการประเมินทางเลือกที่หลากหลายซึ่งจะทำให้คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินสามารถรักษาระดับของมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่จำเป็นสำหรับการผลักดันเงินเฟ้อไปสู่เป้าหมายของ ECB ที่ใกล้ระดับ 2%ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของ ECB จะหารือกันในวันที่ 8 ธ.ค.ว่าจะมีการขยายเวลาสำหรับการซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.77 ล้านล้านยูโร (1.87 ล้านล้านดอลลาร์) หรือไม่ ขณะที่มีการอัดฉีดเงิน 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ECB จะทำการขยายเวลาการซื้อพันธบัตรออกไปอีก 3-6 เดือน จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค.2017

นายกรัฐมนตรีแองเจลา เมอร์เคลของเยอรมนีกล่าวว่า กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป (จี-20) จำเป็นต้องหาหนทางในการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตสูงเกินไปในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าทั่วโลก พร้อมกล่าวเสริมว่า การผลิตที่สูงเกินไปในบางประเทศส่งผลให้การจ้างงานลดลงในประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกันยังระบุว่า เยอรมนีจะผลักดันให้มีการร่วมกันหาทางออกสำหรับภาวะเหล็กกล้าล้นตลาดโลก ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลลบต่อราคาเหล็กกล้ามานานหลายปีแล้ว และปัญหานี้ส่งผลให้จีนกับประเทศผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ประเทศอื่นๆมีเรื่องขัดแย้งกัน ทั้งนี้ ผู้นำยุโรปและสหรัฐกดดันจีนให้เร่งรัดการปรับลดกำลังการผลิต โดยระบุว่าการที่จีนส่งออกเหล็กกล้าจำนวนมากคือสาเหตุที่ทำให้ราคาดิ่งลง และกล่าวหาจีนว่านำเหล็กกล้าราคาถูกมาทุ่มตลาดในต่างประเทศ

 

อื่นๆ: เศรษฐกิจโลก กลุ่ม OPEC

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ออกรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรอบครึ่งปี โดยได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกในปีหน้า โดยระบุว่าการขยายตัวจะได้รับแรงหนุนจากการใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลัง ถึงแม้การค้าและการลงทุนยังคงอ่อนแอ แต่ก็ได้เตือนเกี่ยวกับการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งจะถ่วงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ OECD คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.3% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนกันยายนที่ระดับ 3.2% ขณะที่คาดว่าในปี 2018 จะมีการขยายตัว 3.6% สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ OECD คาดจะขยายตัว 2.3% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 2.1% ขณะที่คาดว่าในปี 2018 จะมีการขยายตัว 3.0% โดยได้แรงหนุนจากการใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลังของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ขณะเดียวกัน OECD ยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 1.6% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 1.4% ขณะที่ในปี 2018 จะมีการขยายตัว 1.7%  ด้านเศรษฐกิจอังกฤษ OECD คาดว่าจะขยายตัว 1.2% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 1.0% แต่คาดว่าในปี 2018 เศรษฐกิจจะชะลอตัวสู่ระดับ 1.0% จากความไม่แน่นอนของการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออังกฤษ สำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่น OECD คาดว่าจะขยายตัว 1.0% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 0.7% ขณะที่คาดว่าในปี 2018 จะมีการขยายตัว 0.8% นอกจากนี้ OECD ยังคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.4% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 6.2%

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศยกเลิกการประชุมผู้เชี่ยวชาญกับกลุ่มประเทศนอกโอเปกในวันนี้ หลังจากซาอุดิอาระเบียแจ้งว่าจะไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เนื่องจากโอเปกจำเป็นต้องหาทางขจัดความเห็นที่แตกต่างภายในกลุ่มเสียก่อน ทั้งนี้ ตามกำหนดการเดิมนั้น การประชุมในวันนี้ระหว่างกลุ่มโอเปก และกลุ่มประเทศนอกโอเปกมีขึ้น เพื่อให้มีการหารือดูว่ากลุ่มประเทศนอกโอเปกจะสามารถให้ความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตน้ำมันได้จำนวนเท่าใด ก่อนที่เจ้าหน้าที่โอเปกจะประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อกำหนดโควตาของประเทศสมาชิกเพื่อให้ได้ข้อสรุปต่อข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์กันว่า โอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการประชุมที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย. ตามข้อเสนอในการประชุมที่กรุงอัลเจียร์สในเดือนก.ย.เพื่อลดกำลังการผลิตสู่ระดับ 32.5-33.0 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.6 ล้านบาร์เรล/วัน

นายกรัฐมนตรีแองเจลา เมอร์เคลของเยอรมนีกล่าวว่า กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป (จี-20) จำเป็นต้องหาหนทางในการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตสูงเกินไปในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าทั่วโลก พร้อมกล่าวเสริมว่า การผลิตที่สูงเกินไปในบางประเทศส่งผลให้การจ้างงานลดลงในประเทศอื่นๆ ขณะเดียวกันยังระบุว่า เยอรมนีจะผลักดันให้มีการร่วมกันหาทางออกสำหรับภาวะเหล็กกล้าล้นตลาดโลก ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลลบต่อราคาเหล็กกล้ามานานหลายปีแล้ว และปัญหานี้ส่งผลให้จีนกับประเทศผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ประเทศอื่นๆมีเรื่องขัดแย้งกัน ทั้งนี้ ผู้นำยุโรปและสหรัฐกดดันจีนให้เร่งรัดการปรับลดกำลังการผลิต โดยระบุว่าการที่จีนส่งออกเหล็กกล้าจำนวนมากคือสาเหตุที่ทำให้ราคาดิ่งลง และกล่าวหาจีนว่านำเหล็กกล้าราคาถูกมาทุ่มตลาดในต่างประเทศ

 

เอเชีย: จีน

ภาคอุตสาหกรรมของจีนมีผลกำไรเติบโตเร็วขึ้นในเดือนต.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและราคาที่ปรับสูงขึ้น  มีการเก็งกำไรในวงกว้างในตลาดสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของจีนในปีนี้ ในขณะที่ราคาถ่านหินของจีนเพิ่มขึ้นแตะสถิติสูงสุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจะไม่ดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน  เป็นที่คาดกันว่า ภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะถ่วงเศรษฐกิจให้เติบโตช้าลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2017 ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายของจีนดำเนินมาตรการลดความร้อนแรงในราคาบ้าน โดยมาตรการดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อผลกำไรของบริษัทผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนรายงานว่า ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมเติบโต 9.8% สู่ 6.161 แสนล้านหยวน (8.91 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในเดือนต.ค. หลังจากเติบโต 7.7% ในเดือนก.ย. ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมปรับขึ้น 8.6% ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน  โดยผลกำไรในภาคเหมืองถ่านหินของจีนเพิ่มขึ้น 112.9% ต่อปีในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ส่วนผลกำไรในภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 13.2% ต่อปีในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้

 

อินเดีย

ราคาพันธบัตรอินเดียดิ่งลงในวันจันทร์ที่ผ่านมา ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินเดียประเภทอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 0.15% ในระหว่างวัน หลังจากธนาคารกลางอินเดีย (RBI) สั่งให้ธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มการฝากเงินสดไว้กับ RBI เพื่อจะได้ดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากการที่รัฐบาลอินเดียสั่งยกเลิกธนบัตรมูลค่าสูง นายอัวร์จิต พาเทล ผู้ว่าการ RBI กล่าวต่อสำนักข่าวเพรส ทรัสต์ ออฟ อินเดียในวันอาทิตย์ว่า RBI จะทบทวนการตัดสินใจของตนเองในเรื่องสัดส่วนการกันสำรองเงินสดของธนาคารพาณิชย์ (CRR) เมื่อรัฐบาลอินเดียออกจำหน่ายพันธบัตรในมาตรการรักษาเสถียรภาพตลาดในปริมาณที่มากพอเพื่อดูดซับสภาพคล่อง

 

เกาหลีใต้

นายยู อิล-โฮ รมว.คลังเกาหลีใต้กล่าวว่า เขาจะจับตาดูการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนในตลาดอย่างใกล้ชิด  และจะดำเนินขั้นตอนรับมือกับสถานการณ์นี้ ถ้าหากมีความจำเป็น นายยูกล่าวถึงเรื่องนี้ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้เกาหลีใต้พุ่งสูงขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.

 

ซาอุดิอาระเบีย

นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า เขาเชื่อว่าตลาดน้ำมันจะปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้เองในปี 2017 ถึงแม้ผู้ผลิตน้ำมันไม่ได้เข้าแทรกแซง ดังนั้นการตรึงปริมาณการผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับปัจุบันจึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล ภายใต้ข้อตกลงขั้นต้นที่ตกลงกันไว้ในเดือนก.ย.ที่แอลจีเรีย กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงสู่ 32.5-33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะถือเป็นการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันครั้งแรกของกลุ่มโอเปกนับตั้งแต่ปี 2008 รัฐมนตรีน้ำมันของกลุ่มโอเปกจะประชุมกันที่กรุงเวียนนาในวันพุธนี้ เพื่อพยายามจัดทำข้อตกลงในขั้นสุดท้าย โดยกลุ่มโอเปกต้องการให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งรวมถึงรัสเซีย เข้าร่วมในมาตรการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันครั้งนี้ด้วย

 

ไทย

ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มองเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ตามคาดที่ 3.2% โดยในไตรมาส 4/59 แม้เศรษฐกิจอาจจะมีปัจจัยที่ทำให้ชะลอตัวลง จากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ และการจัดระเบียบการท่องเที่ยว แต่ก็มีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐ และมาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อย ที่ออกมาต่อเนื่อง เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ เป็นเติบโต 3.2% จากเดิมคาดโต 3.1% โดยเป็นผลจากการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่คาด และมีโอกาสที่การบริโภคในช่วงปลายปีจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่การประชุม กนง.ล่าสุด เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน กนง.ประเมินว่า แม้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ที่ 3.2% แต่มีความเสี่ยงที่จะขยายตัวไปในด้านต่ำมากขึ้น ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ

กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าการส่งออกของไทยในเดือน ต.ค. ลดลง 4.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 6.5% ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้าประมาณ 0.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการแถลงข่าวว่าการส่งออกที่ลดลงในเดือนตุลาคม เป็นผลจากการค้าโลกที่ขยายตัวต่ำ เรื่องของราคาน้ำมันและทองคำก็ยังมีผล และมีเรื่องของฐานที่สูงในปีที่แล้ว  เขาให้ข้อมูลว่า การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ในเดือนต.ค.หดตัว 9.6% และทองคำ หดตัว 40% เนื่องจากนักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์อื่นที่ไม่ใช่ทองคำมากขึ้น  การส่งออกของไทยกลับมาหดตัวอีกครั้ง หลังจากขยายตัวได้ 6.5% และ 3.4% ในเดือนส.ค.และก.ย.ที่ผ่านมา

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันจันทร์ (28 พ.ย.) เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯก็ได้อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเอเซียส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดีดอลลาร์สหรัฐฯยังมีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินเอเซียส่วนใหญ่เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคมปีนี้ โดยสัปดาห์นี้ต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหลายตัว ได้แก่ ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของจีดีพีสหรัฐฯไตรมาส 3/2016 ในวันอังคารที่ 29 พ.ย.( ประมาณการครั้งแรกขยายตัว 2.9%) รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค.ในวันพุธที่ 30 พ.ย. (เพิ่มขึ้น 0.3% และ 0.5% ในเดือนก.ย) การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ในวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค.(เพิ่มขึ้น 161,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.) โดยหากตัวเลขออกมาชี้ถึงการขยายตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนก็จะเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจำนวนมากขึ้นก็มองว่านโนบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯจะทำให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในปี 2017 และ 2018 ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2017 และ 2018 ด้วยเช่นกัน

- ดอลลาร์/เยน วันจันทร์ (28 พ.ย.) เยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆส่วนใหญ่หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่ามากก่อนหน้านี้จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมปีนี้และอาจจะเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปี 2017 และ 2018 เนื่องจากคาดการณ์ว่านโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯจะเร่งอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ

- ยูโร/ดอลลาร์ วันจันทร์ (28 พ.ย.) ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้สอดคล้องกับค่าเงินอื่นๆ อย่างไรก็ดีปัจจัยเรื่องแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ยังไม่แน่นอนจากหลายปัจจัยทั้งเรื่องการเมืองในประเทศต่างๆ ระบบสถาบันการเงินที่ยังอ่อนแอ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ยังติดลบ ทำให้ยูโรยังมีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

 

Capital Market

- ตลาดสหรัฐฯ วันจันทร์ (28 พ.ย.)  ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงในวันจันทร์มากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยถ่วงตลาดลง เนื่องจากนักลงทุนบางรายเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรหลังตลาดพุ่งทำสถิติสูงสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งนี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 0.28% สู่ 19,097.90, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.53% สู่ 2,201.72 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 0.56% สู่ 5,368.81

- ตลาดหุ้นเอเชีย วันจันทร์ (28 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่สูงขึ้นในวันนี้ โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนรอดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย.ขณะเดียวกันสัปดาห์นี้ก็มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญหลายตัวซึ่งอาจจะส่งผลต่อการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้ โดยปิดตลาดวันนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตและดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 0.46% และ 0.47% ตามลำดับ ส่วนดัชนีนิกเกอิวันนี้ปิดตลาดลดลง 0.13% โดยหุ้นกลุ่มส่งออกมีราคาลดลงขณะที่วันนี้เยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยลบต่อภาคส่งออกของญี่ปุ่น

- ตลาดหุ้นไทย วันจันทร์ (28 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกในช่วงเช้าวันนี้สอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ ขณะที่นักลงทุนรอดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย. รวมทั้งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯซึ่งอาจจะมีผลต่อการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้ เช่น ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของจีดีพีสหรัฐฯไตรมาส 3/2016 ในวันอังคารที่ 29 พ.ย.รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค.ในวันพุธที่ 30 พ.ย. และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ในวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค.เป็นต้น โดยในช่วงบ่ายดัชนียังคงเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆส่งผลให้ปิดตลาดวันนี้ SET INDEX เพิ่มขึ้น 0.38 จุด

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 29 พ.ย. 2559

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday23444
mod_vvisit_counterYesterday36228
mod_vvisit_counterAll days167316218

We have: 698 guests online
Your IP: 3.146.221.52
Mozilla 5.0, 
Today: Apr 19, 2024

10517944