สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย |
Wednesday, 15 February 2017 10:53 | |||
Snapshot
สหรัฐอเมริกา ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2012 โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาอาหารทรงตัว และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 1.6% (yoy) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.5% ทั้งนี้ หากไม่นับรวมราคาน้ำมัน และอาหาร ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และ 1.6% เมื่อเทียบรายปี นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรส โดยนางเยลเลนกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาว่า การรอเป็นเวลานานเกินไปเพื่อปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นการไม่ฉลาด ขณะที่เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว และเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น ทั้งยังระบุต่อไปอีกว่า การรอนานเกินไปเพื่อยกเลิกนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย จะทำให้ Fed ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งจะเสี่ยงต่อการกระทบตลาดการเงิน และฉุดเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอยพร้อมกันนี้ ยังระบุว่า ในการประชุมครั้งต่อๆไป คณะกรรมการ Fed จะประเมินดูว่าการจ้างงานและเงินเฟ้อยังคงปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปก็จะมีความเหมาะสม นอกจากนี้ นางเยลเลนยังระบุว่า ถึงแม้เฟดคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเพื่อรักษานโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แต่การทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวกลับสู่ระดับปกติก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ส่วนในประเด็นเศรษฐกิจนั้น นางเยลเลนกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวปานกลาง ขณะที่ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ทั้งยังระบุว่า ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจกำลังปรับตัวดีขึ้น แต่ภาคการผลิตได้ถูกกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะเดียวกัน นางเยลเลนกล่าวว่า ตนเห็นพ้องในหลักการเกี่ยวกับการออกคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการปฏิรูปทางการเงินเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี นางเจเน็ต เยลเลน กล่าวว่า ธนาคารต่างๆยังคงมีการปล่อยเงินกู้แก่ภาคธุรกิจ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยอ้างว่าภาคธนาคารได้พากันระงับการปล่อยสินเชื่อ โดยนางเยลเลนยืนยันว่าตัวเลขการกู้ยืมในภาคพาณิชย์และอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 75% นับตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งเป็นปีที่มีการประกาศใช้กฏหมายดอดด์-แฟรงค์ขณะเดียวกัน นางเยลเลนยังได้เรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสให้ความสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว และประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งการปรับลดหนี้ของสหรัฐที่พุ่งแตะระดับ 19.2 ล้านล้านดอลลาร์ในขณะนี้ ทั้งนี้ นางเจเน็ต เยลเลน มีกำหนดการกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพรุ่งนี้ นายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปอาจจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ หลังจากมีความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายทางการคลัง โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นทางการคลัง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้ต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปหลังจากนั้น ทั้งนี้ CME Group FedWatch ระบุว่า การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 86.7% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคม นอกจากนี้ ยังได้ระบุว่า Fed ควรพิจารณาการขายพันธบัตรที่ถือครองอยู่ หาก Fed ต้องการที่จะลดงบดุลบัญชีที่มีมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกล่าวเสริมว่า อยากเห็น Fed เริ่มกระบวนการขายพันธบัตรในปีนี้ ทั้งนี้ ตามแผนการของเฟดนั้น เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรครบอายุตามกำหนด หากต้องการลดมูลค่าการถือครองพันธบัตรในพอร์ท
ประเด็นที่น่าจับตามอง ตลาดยังคงมุ่งไปที่การกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หลังจากที่มีการแถลงต่อสภาคองเกรสไปก่อนหน้า
ยุโรป: สหภาพยุโรป สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (Eurostat) รายงานว่า เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 4/2017 มีการขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 0.5% โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวลงของผลผลิตในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยูโรสแตทยังปรับลดคาดการณ์การขยายตัวในไตรมาส 4 เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 1.7% โดยต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 1.8%ส่วนผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคมลดลง 1.6% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2012 ที่ขณะนั้นทรุดตัวลง 1.9% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมจะปรับตัวลง 1.5%
อังกฤษ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 1.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง หลังจากอยู่ที่ระดับ 1.6% ในเดือนธันวาคม อันเป็นผลมาจาก ราคาวัตถุดิบ และสินค้าจากโรงงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากปอนด์อ่อนค่าลง และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ ปอนด์ได้ร่วงลงเกือบ 20% เมื่อเทียบดอลลาร์ นับตั้งแต่ที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษกำลังเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษ
เอเซีย: จีน อัตราเงินเฟ้อของราคาผู้ผลิตจีนพุ่งขึ้นสูงเกินคาดในเดือนม.ค. โดยพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี ในขณะที่ราคาเหล็กกล้าและวัตถุดิบอื่นๆทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรายงานตัวเลขเหล่านี้สนับสนุนมุมมองที่ว่า กิจกรรมภาคการผลิตทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทางด้านอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยปรับขึ้นแตะ 2.5% ต่อปีในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2014 และถือเป็นระดับที่สูงเกินคาด สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า ราคาผู้บริโภคในเดือนม.ค.มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนสำคัญจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและค่าขนส่งในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ดีการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในจีนและประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า อาจจะมีการคุมเข้มนโยบายการเงินในปีนี้ หลังจากมีการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารกลางจีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งเกิดจากหนี้สินที่พุ่งขึ้นสูงมาก ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์เคยคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนอาจปรับขึ้น 2.4% ในเดือนม.ค. จาก 2.1% ในเดือนธ.ค. ราคาอาหารเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนม.ค. หลังจากปรับขึ้น 2.5% ในเดือนธ.ค. โดยอาหารถือเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดในดัชนี CPI ต้นทุนการขนส่งและการสื่อสารเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนม.ค. หลังจากปรับขึ้น 0.9% ในเดือนธ.ค. ทางด้านอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้ผลิตพุ่งขึ้นสู่ 6.9% ในเดือนม.ค. จาก 5.5% ในเดือนธ.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ 6.9% ถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2011 โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้น 31.0% ของต้นทุนเหมืองแร่ ในขณะที่ราคาถ่านหินทะยานขึ้น โดยอัตรา 31.0% นี้ถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2010 ก่อนหน้านี้นักลงทุนคาดว่า ดัชนี PPI อาจเพื่มขึ้น 6.3% ต่อปีในเดือนม.ค. จีนนำเข้าถ่านหิน, น้ำมันดิบ, สินแร่เหล็ก และวัสดุอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก และปัจจัยนี้ช่วยหนุนให้ราคาทรัพยากรทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และการพุ่งขึ้นของราคาก็ช่วยหนุนผลกำไรของบริษัทผู้ผลิตและบริษัทผู้แปรรูป ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ในจีนได้ปล่อยสินเชื่อใหม่สกุลหยวนคิดเป็นมูลค่า 2.03 ล้านล้านหยวน (2.9574 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในเดือนม.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็เป็นระดับสูงสุดมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติการณ์เมื่อเทียบรายเดือน นักวิเคราะห์ในผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า สินเชื่อใหม่สกุลหยวนจะอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านหยวน เทียบกับ 1.04 ล้านล้านหยวนในเดือนธ.ค. ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ (M2) เพิ่มขึ้น 11.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างสกุลหยวนเพิ่มขึ้น 12.6% ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์ในผลสำรวจของรอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 13.4%
ญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นกล่าวในวันอังคารที่ผ่านมาว่า เขาตกลงกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐในการประชุมสุดยอดระดับทวิภาคีในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ควรปล่อยให้ผู้นำทางการเงินของแต่ละประเทศเป็นผู้หารือกันในประเด็นเรื่องสกุลเงิน นายอาเบะกล่าวต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่าเมื่อเขาอยู่กับประธานาธิบดีสหรัฐตามลำพังที่ทำเนียบขาวเขาก็บอกกับประธานาธิบดีสหรัฐว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้นำอย่างเราในการอภิปรายกันโดยตรงในประเด็นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน อาเบะกล่าวว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการที่ประเด็นเรื่องสกุลเงินได้รับการหารือกันโดยรัฐมนตรีคลังของทั้งสองประเทศ ก่อนหน้านี้ผู้กำหนดนโยบายของญี่ปุ่นรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากกับถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์ ในช่วงก่อนการประชุมสุดยอด เพราะปธน.ทรัมป์กล่าวหาว่า จีนและญี่ปุ่นปั่นสกุลเงินของตนเอง เพื่อที่สินค้าส่งออกของตนเองจะได้มีความได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าววิจารณ์นโยบายการเงินหรือนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของญี่ปุ่นในระหว่างการประชุมสุดยอดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า นายอาเบะและปธน.ทรัมป์ไม่ได้หารือกันเรื่องสกุลเงิน มีแนวโน้มว่าการตัดสินใจสำคัญในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจจะมีขึ้นในการประชุมทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่น โดยผู้นำในการประชุมดังกล่าวคือนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ และนายทาโระ อาโสะ รองนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยนายอาโสะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นด้วย นายอาโสะกล่าวว่า ญี่ปุ่นได้เสนอต่อปธน.ทรัมป์เรื่องการจัดการเจรจาทางเศรษฐกิจ เพื่อหารือประเด็นเรื่องนโยบายการเงิน, นโยบายการคลัง และนโยบายเชิงโครงสร้าง นายอาโสะกล่าวต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่าเรื่องนี้อาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญคือการหากรอบการทำงานที่ดี สำหรับการเจรจาทางเศรษฐกิจ
เกาหลีใต้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ราคานำเข้าของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 5 ปีในเดือนม.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจจะเป็นเหตุผลอีกข้อให้ผู้กำหนดนโยบายชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินรอบใหม่ ทั้งนี้ราคานำเข้าพุ่งขึ้น 13.2% ในเดือนม.ค.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เพิ่มขึ้น 14.5% ในเดือนต.ค. 2011 หลังจากเพิ่มขึ้น 9.2% ในเดือนธ.ค. แรงกระตุ้นด้านเงินเฟ้อจากราคานำเข้าที่พุ่งขึ้นอย่างมากอาจจะขัดขวางการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกของธนาคารกลางเกาหลีแม้เศรษฐกิจยังคงชะลอตัวท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และวิกฤติการเมืองในประเทศ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางรายหนึ่งระบุว่า ราคานำเข้าที่พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนม.ค.มีสาเหตุมาจากต้นทุนน้ำมันที่พุ่งขึ้นมาก ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลในรูปสกุลเงินวอนพุ่งขึ้น 75.2% ในเดือนม.ค.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 39.5% เมื่อเทียบรายปี ส่วนราคาส่งออกในรูปสกุลเงินวอนเพิ่มขึ้น 7.4% ในเดือนม.ค. สูงขึ้นจาก 6.6% ในเดือนธ.ค.
ไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เผยคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบการแก้ปัญหาการเดินรถไฟฟ้า ช่วงเตาปูน-บางซื่อ โดยใช้งบประมาณกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งคาดจะเปิดบริการเดินรถได้ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.60 โดยในวันนี้ ครม.มีวาระการพิจารณาการจัดจ้างติดตั้งระบบรถไฟฟ้า จัดการเดินรถไฟฟ้า และบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน-บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) กระทรวงการคลัง เผยยอดหนี้สาธารณะคงค้างของไทย ณ สิ้นเดือน ธ.ค.59 อยู่ที่ 5.922 ล้านล้านบาท คิดเป็น 42.19% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) เทียบกับยอดหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน พ.ย.59 อยู่ที่ 5.944 ล้านล้านบาท คิดเป็น 42.39% ของจีดีพี
Money Market - ดอลลาร์/บาท วันอังคาร (14 กพ.) เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าเมื่อเทียบกับหลายสกุลเงินเอเซียก่อนการแถลงต่อวุฒิสภาสหรัฐและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ ขณะที่เมื่อวานนี้นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัสกล่าวว่า เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เพราะไม่เช่นนั้นเฟดอาจจะต้องยกเลิกแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้นายแคปแลนเป็นสมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในปีนี้ - ดอลลาร์/เยน วันอังคาร (14 กพ.) เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนรอฟังการแถลงต่อรัฐสภาของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อที่จะคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพียงใด โดยนางเยลเลนจะนำเสนอรายงานนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของเฟดต่อ คณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันนี้ และจะนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธ ทั้งนี้นักวิเคราะห์ในต่างประเทศกล่าวว่าผู้ส่งออกญี่ปุ่นบางรายขายดอลลาร์สหรัฐฯออกมา เนื่องจากผู้ส่งออกผิดหวังที่ดอลลาร์สหรัฐฯไม่ได้พุ่งขึ้นมากกว่านี้หลังการประชุมในช่วงสุดสัปดาห์ ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าในช่วงตลาดสหรัฯ หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภา - ยูโร/ดอลลาร์ วันอังคาร ( 14 กพ.) เงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนรอฟังการแถลงต่อรัฐสภาของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ในช่วงท้ายตลาดค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง หลังนางเยเลนระบุ จะเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดที่จะรอนานเกินไปในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจกดดันให้ Fed ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นซึ่งเสี่ยงต่อการทำให้เศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ เงินยูโรยังถูกกดดันจากความเสี่ยงทางการเมืองและข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังในยูโรโซนอีกด้วย
Capital Market - ตลาดสหรัฐฯ วันอังคาร ( 14 กพ.) ดัชนีหุ้นสหรัฐแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องในวันอังคาร นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่บวกขึ้นหลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กล่าวว่า จะเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดที่จะรอนานเกินไปในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจกดดันให้ Fed ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นซึ่งเสี่ยงต่อการทำให้เศรษฐกิจถดถอย ทั้งยังระบุแสดงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.45% สู่ระดับ 20,504.41, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.40% สู่ระดับ 2,337.58 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 0.32% สู่ระดับ 5,782.57 - ตลาดหุ้นเอเชีย วันอังคาร ( 14 กพ.) ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ลดลงในวันอังคารที่ผ่านมา โดยนักลงทุนรอฟังการแถลงต่อรัฐสภาของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารและพุธนี้เพื่อที่จะคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเพียงใด ขณะที่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์กับนายอาเบะยังไม่ได้หารือเรื่องนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายกีดกันทางการค้า โดยมีแนวโน้มว่าการตัดสินใจสำคัญในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจจะมีขึ้นในการประชุมทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นในอนาคต โดยปิดตลาดวันนี้ดัชนีนิกเกอิลดลง 1.13% สำหรับดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตวันนี้ปิดเพิ่มขึ้น 0.05% ขณะที่วันนี้สำนักงานสถิติของจีนเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีนเพิ่มขึ้น 6.9%เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนม.ค.ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2011 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนม.ค.ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2014 ซึ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นในจีนและทำให้ธนาคารกลางจีนอาจจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น - ตลาดหุ้นไทย วันอังคาร ( 14 กพ.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ลดลงสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่ก่อนการแถลงต่อรัฐสภาของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารและพุธนี้ ขณะที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศที่สูงขึ้นก็ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นเช่นกันเนื่องจากลดความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางต่างๆจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยปิดตลาดวันนี้ SET INDEX ลดลง 13.00 จุด
โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 15 ก.พ. 2560
|
Today | 10128 | |
Yesterday | 39562 | |
All days | 167266674 |
Comments