Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Economic View สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย PDF Print E-mail
Monday, 09 October 2017 09:25

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.9% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังจากปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดรถยนต์ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพื้นฐาน ซึ่งใช้ในการคำนวณตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนสิงหาคม ขณะเดียวกัน ยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากทรงตัวในเดือนกรกฎาคม ยอดขายดังกล่าวบ่งชี้ว่า ผู้ค้าส่งจะต้องใช้เวลา 1.28 เดือนในการจำหน่ายสินค้าทั้งหมดในสต็อก โดยลดลงจากระดับ 1.29 เดือนในเดือนกรกฎาคม

การจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนกันยายนลดลง 33,000 ตำแหน่ง ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 90,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.2% จาก 4.4% ในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรนี้ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2553 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ และเออร์มา ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจในรัฐเท็กซัส ฟลอริดา และอีกหลายรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐต้องปิดกิจการ ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากประสบภาวะตกงานชั่วคราว ซึ่งหากไม่นับปัจจัยเฮอร์ริเคนที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆก็ยังคงบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนกรกฎาคม โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 189,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขจ้างงานในเดือนสิงหาคม โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 169,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 63.1%

สื่อสหรัฐรายงานว่า หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาการค้าของรัฐบาลสหรัฐเตรียมเสนอให้มีการปรับแก้เงื่อนไขสำคัญของข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิตยานยนต์ของสหรัฐย้ายโรงงานผลิตในเม็กซิโกกลับมายังสหรัฐฯ รายงานระบุว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเสนอให้ปรับแก้เงื่อนไขบางประการของข้อตกลง NAFTA โดยหนึ่งในนั้นคือการกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ว่า รถยนต์นำเข้าจะต้องประกอบด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐตามจำนวนที่ระบุไว้ จึงจะสามารถผ่านเกณฑ์คุณสมบัติไม่ต้องเสียภาษี จากเดิมที่กำหนดเพียงว่า รถยนต์นำเข้าจะต้องประกอบด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตในกลุ่มประเทศสมาชิก NAFTA ตามจำนวนที่ระบุไว้ ด้านนายแกรี ฮัฟเบาเออร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าแห่งสถาบันปีเตอร์สัน ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยระบุว่า เงื่อนไขดังกล่าวขัดต่อหลักการของข้อตกลงการค้าเสรีที่ส่งเสริมให้ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในกลุ่มประเทศสมาชิก ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าประเทศนอกกลุ่ม

 

ยุโรป:

นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รายงานว่า IMF มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ก็เรียกร้องให้ประเทศต่างๆเดินหน้าปฏิรูปต่อไป เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้  ในสัปดาห์หน้า IMF และธนาคารโลกจะมีการประชุมประจำปีขึ้น ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา IMF ได้ออกรายงานโดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะขยายตัว 3.5% ในปีนี้ และ 3.6% ในปี 2561 นอกจากนี้ ยังระบุเตือนความเสี่ยงซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากการเก็งกำไรในตลาดเงิน รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

 

ฝรั่งเศส

สำนักงานศุลกากรฝรั่งเศส รายงานว่า ฝรั่งเศสมียอดขาดดุลการค้า 4.5 พันล้านยูโร (5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนสิงหาคม ซึ่งลดลงจากระดับ 5.9 พันล้านยูโรในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากยอดส่งออกอุปกรณ์การบิน เครื่องจักรอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ทางด้านธนาคารกลางฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศสมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.5 พันล้านยูโร ลดลงจากระดับ 4.3 พันล้านยูโรในเดือนกรกฎาคม

 

เยอรมนี

กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี รายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานประจำเดือนสิงหาคมขยายตัวถึง 3.6% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% หลังจากที่หดตัวลง 0.4% ในเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน ได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น และสะท้อนให้เห็นว่า ภาคโรงงานมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเยอรมนีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของเยอรมนี

 

สเปน

Sabadell ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับ 5 ของสเปน และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองบาเซโลนา แคว้นกาตาลุญญา ประกาศแผนย้ายสำนักงานกฎหมายออกจากแคว้นกาตาลุญญา ท่ามกลางความเสี่ยงที่แคว้นกาตาลุญญาจะประกาศแยกตัวออกจากสเปนในวันจันทร์นี้

 

เอเชีย: ญี่ปุ่น

นายโยชิฮิเดะ สุกะ หัวหน้าโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า สิ่งที่สำคัญคือการสร้างภาวะแวดล้อมที่จะเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นสามารถเดินหน้าแผนปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในปี 2019 ตามกำหนดการที่วางไว้ นายสุกะกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะปรับขึ้น VAT ถ้าหากอัตราตำแหน่งงานว่างอยู่ในระดับต่ำเท่ากับในช่วงก่อนที่นายชินโซ อาเบะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในปี 2012 และถ้าหากค่าเงินเยนแข็งค่าเท่ากับในช่วงนั้น  นายสุกะกล่าวในงานแถลงข่าวว่า ญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ในภาวะเงินฝืดอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องดำเนินนโยบายที่จะรับประกันว่า วงจรเศรษฐกิจแบบรุ่งเรืองจะเริ่มต้นขึ้น โดยเราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่า เศรษฐกิจจะไม่ตกต่ำลง เมื่อมีการปรับขึ้นอัตราภาษีในปี 2019 ถ้อยแถลงนี้บ่งชี้ว่า ถ้าหากเศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวลงในอนาคต นายกรัฐมนตรีอาเบะก็อาจจะยกเลิกคำสัญญาของเขาที่ว่าเขาจะปรับขึ้น VAT จาก 8% สู่ 10% ตามกำหนดการที่วางไว้  นายกรัฐมนตรีอาเบะประกาศในสัปดาห์ที่แล้วเรื่องการจัดเลือกตั้งก่อนกำหนดในวันที่ 22 ต.ค. โดยเขาตั้งความหวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของเขาจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาล่างของญี่ปุ่นได้ต่อไป หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้เคยครองเสียงข้างมากแบบพิเศษได้ถึง 2 ใน 3 ก่อนการยุบสภา  อย่างไรก็ดี พรรค LDP เผชิญกับการแข่งขันกับพรรคการเมืองใหม่ที่นำโดยนางยุริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว โดยพรรคใหม่นี้ชูนโยบายสกัดกั้นการปรับขึ้น VAT โดยให้เหตุผลว่าอัตราภาษีที่สูงขึ้นจะสร้างความเสียหายต่อการบริโภคภาคครัวเรือน พรรคร่วมรัฐบาลของนายอาเบะให้สัญญาว่าจะปรับขึ้น VAT ต่อไป และจะนำรายได้ของรัฐบาลมาใช้ในการดูแลเด็กและการศึกษา

นายทาโร อาโสะ รมว.คลังญี่ปุ่นกล่าวว่า เขาจะประชุมร่วมกับนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐที่กรุงวอชิงตัน ดีซีในวันที่ 16 ต.ค.นี้ เพื่อหารือเรื่องเศรษฐกิจรอบสองระหว่างสองประเทศ นายอาโสะกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาต้องการที่จะปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติของญี่ปุ่น และจะสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายกับสหรัฐ

รายได้ของคนงานชาวญี่ปุ่นปรับขึ้นในเดือนส.ค.ปีนี้เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน หลังจากที่เคยลดลงในเดือนก.ค. โดยสิ่งนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า รายได้ของคนงานกำลังปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ตลาดแรงงานญี่ปุ่นตึงตัวมากยิ่งขึ้น กระทรวงแรงงานญี่ปุ่นรายงานว่า ค่าแรงปรับขึ้นทั้งในรูปตัวเงิน และในส่วนของค่าแรงที่แท้จริงที่ปรับตามภาวะเงินเฟ้อ รายงานตัวเลขนี้มีแนวโน้มที่จะช่วยลดความกังวลที่ว่า ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ปรับขึ้นในระยะนี้อาจจะไม่ดำเนินไปอย่างยั่งยืน  อย่างไรก็ดี การเติบโตของค่าแรงในครั้งนี้อาจจะไม่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมากพอ ที่จะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในสมมุติฐานของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่ว่า การตึงตัวของตลาดแรงงานจะส่งผลให้ค่าแรงปรับขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อด้วย รายได้เงินสดของผู้มีเงินได้ชาวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.9 % ต่อปีสู่ 274,490 เยนในเดือนส.ค.หากวัดในรูปตัวเงิน หลังจากลดลง 0.6 % ต่อปีในเดือนก.ค. โดยอัตราการเพิ่มขึ้น 0.9 % ต่อปีนี้ถือเป็นอัตราการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2016 อย่างไรก็ดี หากนำเอาการปรับขึ้น 0.8 % ของราคาผู้บริโภค (CPI) มาคำนวณด้วยแล้ว ค่าแรงที่แท้จริงที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อก็จะปรับขึ้นเพียง 0.1 % ต่อปีในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งยังคงลังเลที่จะนำเงินสดจำนวนมากที่ถือครองอยู่มาใช้ในการปรับขึ้นค่าแรง เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นไม่สามารถผลักภาระไปให้แก่ลูกค้าได้ หลังจากราคาสินค้าในญี่ปุ่นลดลงเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันศุกร์ (6 ตค.) เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเอเซียส่วนใหญ่หลังจากเมื่อคืนนี้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีส่งผลให้มีการคาดการณ์มากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯอีกครั้งในเดือนธันวาคมปีนี้ ขณะเดียวกันเมื่อคืนนี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2018 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนมองไปในแง่บวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มที่มาตรการลดภาษีของสหรัฐฯจะผ่านสภาในอนาคต ทั้งนี้ในคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯเดือนกันยายนซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็จับตาว่าตัวเลขดังกล่าวจะถูกกระทบมากแค่ไหนจากผลของพายุเฮอริเคนเออร์มาและฮาร์วีย์

- ดอลลาร์/เยน วันศุกร์ (6 ตค.) เงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ออกมาดีอีกทั้งนักลงทุนคาดการณ์ไปในทางบวกว่ามาตรการลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯจะผ่านสภาหลังเมื่อคืนนี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2018 อย่างไรก็ดีดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าหลังรายงานตัวเลขการจ้างงานฯสหรัฐฯ

- ยูโร/ดอลลาร์ วันศุกร์ (6 ตค.) เงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนื้เนื่องจากการคาดการณ์มากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯในเดือนธันวาคมนี้หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ออกมาดี ขณะเดียวกันการคาดการณ์ในทางบวกเกี่ยวกับการผ่านมาตรการลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯก็ส่งผลบวกต่อดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้เช่นกันแม้ว่าแนวโน้มข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูงมากอย่างไรก็ดีดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าหลังรายงานตัวเลขการจ้างงานฯสหรัฐฯ

 

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันศุกร์ (6 ตค.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดวันศุกร์ปรับตัวลง โดยดัชนี S&P 500 ลดลงหลังบวกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันนาน 6 วัน ขณะที่การลดลงของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนก.ย.เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนนั้นได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขาย แต่ดัชนี Nasdaq บวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน และทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 6 วันติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 0.01% สู่ระดับ 22,773.67, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.11% สู่ระดับ 2,549.33 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 0.07% สู่ระดับ 6,590.18

- ตลาดหุ้นเอเซีย วันศุกร์ (6 ตค.) ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดเพิ่ม 0.3% สู่ระดับ 20,690.71โดยได้แรงหนุนจากเยนที่อ่อนค่าและการเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีฮั่งเส็งปิดเพิ่มขึ้น  0.28% สู่ระดับ 28,458.04 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ และกลุ่มธนาคารของจีน ส่วนดัชนีหุ้นเอช หรือหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดบวก 0.5% มาอยู่ที่ 11,459.09 ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดตั้งแต่กลางปี 2015 หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเพิ่มขึ้น และหุ้นกลุ่มธนาคารของจีนเพิ่มต่อเนื่อง โดยยังคงได้แรงหนุนจากประกาศของธนาคารกลางจีนเมื่อวันเสาร์ที่แล้วว่า จะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.พ.2016 เพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อมากขึ้นแก่บริษัทขนาดย่อมที่มีสถานะย่ำแย่ ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการทั้งสัปดาห์นี้ และจะเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 9 ต.ค.  นักลงทุนกำลังรอดูการประชุมสภาคองเกรสของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 18 ต.ค.นี้ โดยการประชุมครั้งนี้จะมีการจัดวางตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญ และการกำหนดวาระทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในช่วง 5 ปีข้างหน้า

- ตลาดหุ้นไทย วันศุกร์ ( 6 ตค.) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นนำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยปิดตลาด SET INDEX เพิ่มขึ้น 5.10 จุด

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 9 ต.ค. 2560

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday4389
mod_vvisit_counterYesterday34804
mod_vvisit_counterAll days167331967

We have: 445 guests online
Your IP: 3.146.34.191
Mozilla 5.0, 
Today: Apr 20, 2024

4185904