Investment Society by Sukit Udomsirikul |
Tuesday, 30 March 2010 17:13 | |||
Investment Society by Sukit UdomsirikulTSTH : Back to business ภายหลังจากการเยี่ยมชมโรงงานถลุงเหล็กขนาดย่อมที่จะเริ่มผลิตอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนเม.ย. 2553 เป็นต้นไป ทำให้ SCRI ยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อแนวโน้มต้นทุนการผลิตของบริษัทที่จะลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ในช่วงปลาย 2H/53 ซึ่งสามารถชดเชยกับการปรับลดประมาณราคาขายปี 2553 ของ SCRI เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์นิยมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่อาจเกิดความล่าช้าของการเบิกจ่ายในงบไทยเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ปริมาณขายของ TSTH ที่คาดจะกลับมาเติบโต 21% yoy เป็น 1.4 ล้านตัน อีกทั้ง ทิศทางของอัตรากำไรที่จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการเปิดโรงถลุงเหล็กขนาดย่อม คาดจะช่วยลดความผันผวนของผลการดำเนินงานในอนาคตและผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2553 ของบริษัทกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างมั่นคง ดังนั้น SCRI ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานปี 2553 เท่ากับ 2.44 บาท/หุ้น
แม้ราคาขายเฉลี่ยใน Q4/52 เท่ากับ 19.5 บาท/ก.ก. จะปรับขึ้น 10% yoy จาก 17.8 บาท/ก.ก. แต่ยังไลม่สอดคล้องกับต้นทุนของเศษเหล็กที่เพิ่มขึ้นกว่า 15% yoy เป็น 11 บาท/ก.ก. ปัจจัยดังกล่าว กดดันอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ใน Q4/52 ให้อยู่ต่ำกว่าที่ SCRI คาดการณ์ อย่างไรก็ตาม การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้ธุรกิจก่อสร้างในประเทศฟื้นตัว และส่งผลต่อเนื่องต่อปริมาณการขายใน Q4/52 ของบริษัทกลับมาสู่ระดับปกติ 3 แสนตันต่อไตรมาส ทำให้รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นใน Q4/52 ทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 5,879 ล้านบาทและ 5.6% เปรียบเทียบกับ 4,084 และ -53% ใน Q4/51 ตามลำดับ ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ TSTH มีกำไรใน Q4/52 เท่ากับ 100 ล้านบาท เปรียบเทียบกับใน Q4/51 ที่มีกำไรเท่ากับ 18 ล้านบาท (รวมบันทึกกลับรายการด้อยค่าสินค้าคงคลังจำนวน 2,254 ล้านบาท) สำหรับยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดเดิม 1.2 ล้านตันและ 10.7% เป็น 1.16 ล้านตันและ 4.6% ดังนั้น SCRI จึงปรับประมาณกำไรสุทธิปี 2552 ลงจากเดิมที่ 500 ล้านบาทเป็น 168 ล้านบาท
SCRI ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2553 ลง 22% เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้น อาจทำให้การกระจายงบไทยเข้มแข็งมีความล่าช้ากว่าที่คาด ทำให้ราคาขายมีแนวโน้มปรับขึ้นเพียง 21 บาท/กก เพิ่มขึ้น 13% yoy ซึ่งน้อยกว่าเดิมที่คาดจะปรับขึ้นเป็น 22 บาท/กก อย่างไรก็ตาม ราคาขายดังกล่าว ขยับขึ้นสอดคล้องกับต้นทุนเหล็กที่ตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดราคาเศษเหล็ก (Scrap) และเหล็กแท่ง (Billet) ในตลาดโลกปรับขึ้นเกินกว่า 20% YTD เป็น 455$/ton และ 600$/ton ตามลำดับ สำหรับแนวโน้มกำลังซื้อในประเทศ แม้จะชะลอตัวกว่าคาดจากผลกระทบทางการเมือง แต่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบ yoy โดย SCRI คาดปริมาณขายปี 2553 จะปรับขึ้นจาก 1.16 ล้านตันในปี 2552 เป็น 1.4 ล้านตัน และทำให้รายได้ปี 2553 ขยายตัว 40% yoy เป็น 30,575 ล้านบาท นอกจากนี้ โรงถลุงเหล็กขนาดย่อมที่เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ จะช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิปี 2553 ของ TSTH กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งจาก 4.6% และ168 ล้านบาทในปี 2552 เป็น 10.72% และ1,440 ล้านบาท ตามลำดับ
แม้ความไม่แน่นอนทางการเมือง จะกระทบต่อการใช้เหล็กในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากเทียบ yoy แนวโน้มการบริโภคเหล็กยังขยายตัวถึง 21% นอกจากนี้ การปรับราคาขายเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น อีกทั้ง การเปิดโรงงานถลุงเหล็กขนาดย่อม ช่วยลดต้นทุนการผลิตและทำให้ผลการดำเนินงานบริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น SCRI ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 2.44 บาท/หุ้น (PBV ที่ 1 เท่า) ลดลงจากเดิม 2.61 บาท/หุ้น สุดท้ายขอให้ทุกท่านโชคดีและพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
|
Today | 1217 | |
All days | 1217 |
Comments