Tuesday, 01 June 2010 09:02 |
นางสาว อริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (Thai BMA) คาดหมายว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2553 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างๆจะเริ่มโยกเม็ดเงินลงทุนเข้าไปในหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนมากขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทน( Yield)สูงกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ซึ่งขณะนี้เริ่มให้อัตราผลตอบแทนที่ลดลงประมาณ 0.6-0.7 % แล้ว โดยสาเหตุที่พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเริ่มให้ผลตอบแทนลดลง เป็นเพราะนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ และบลจ. มีความต้องการลงทุนสูง จนยอดความต้องการเกินกว่าพันธบัตรที่มีอยู่ ทำให้ราคาพันธบัตรในตลาดปรับตัวสูง กดดันอัตราผลตอบแทนให้ลดลง ขณะที่พันธบัตรระยะสั้นก็มียอดการจองเกินกว่ามูลค่าที่นำออกขาย 6-7 เท่า เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่มียอดจองเกินกว่ามูลค่าที่นำออกขายประมาณ ประมาณ 2-3 เท่า เท่านั้น
'ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีปัญหาวิกฤตการเงินในต่างประเทศ และปัญหาการเมืองภายในประเทศ ทำให้นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ในประเทศ ย้ายเงินลงทุนเข้ามาพักในตราสารหนี้มากขึ้น จนทำให้พันธบัตรระยาวมีผลตอบแทนต่ำ และพันธบัตรระยะสั้นมียอดจองตอนประมูลล้น แต่หลังจากนี้ เชื่อว่า เม็ดเงินส่วนนี้จะโยกเข้าไปลงทุนในหุ้นกู้แทน เพราะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตร'นางสาวอริยากล่าว
สำหรับกระแสความนิยมของกองทุนตลาดเงิน(มันนี่ มาร์เก็ตฟันด์)ที่นักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกองทุนที่ไม่มีความเสี่ยงสูง และสามารถถอนเงินได้ง่าย เสมือนการฝากเงินในธนาคารนั้น โดยส่วนตัวอยากให้บลจ.แนะนำการลงทุนแก่นักลงทุนให้ดีว่า กองทุนประเภทนี้ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีนัก และหากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่ดีขึ้น ก็ควรหันมาลงทุนในกองทุนหุ้นกู้แทน เพื่อช่วยวางแผนทางการเงินให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสที่ 3 คาดว่า บริษัทเอกชนจะเริ่มออกหุ้นกู้มากขึ้น โดยเฉพาะบริษัท ในเครือ ปตท.จำกัด(มหาชน) ที่มีแผนจะออกหุ้นกู้อยู่แล้ว รวมถึงคาดว่า น่าจะมีบริษัทเอกชนบางส่วนที่เห็นโอกาสจากการออกหุ้นกู้ เนื่องจากดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้ต้นทุนในการออกหุ้นกู้ของบริษัทลดลง และหากในช่วงปลายปีเศรษฐกิจฟื้นตัว ก็จะเป็นโอกาสของบริษัทในการระดมทุนเพื่อลงทุนในส่วนต่างๆด้วย
ที่มา แนวหน้า
|
Comments