หุ้นไทยพุ่งกระฉูด22%ไตรมาส3สูงสุดในเอเชีย |
![]() |
![]() |
![]() |
Wednesday, 13 October 2010 12:05 | |||
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์และการซื้อขายหลักทรัพย์ประจำไตรมาส 3/2553 และเดือนกันยายน 2553 โดยระบุว่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดที่ 975.30 จุด เพิ่มขึ้น 22.32% ปรับขึ้นในอัตราสูงสุด เมื่อเทียบกับภูมิภาค โดยเปรียบเทียบกับดัชนี ณ สิ้นไตรมาส 2/2553 ด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) อยู่ที่ 7,941,998 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวัน อยู่ที่ 36,138.28 ล้านบาท และปริมาณสัญญาซื้อขายอนุพันธ์เฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 18,305 สัญญา ซึ่งล้วนเป็นระดับสูงสุดนับแต่ตลาดหลักทรัพย์เริ่มเปิดซื้อขาย ทั้งนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด คิดเป็น 82.00% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดนับจากปี 2539 สำหรับดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด ในไตรมาส 3 ปีนี้ ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มการเงิน ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุน เพิ่มขึ้น 97.40% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2553 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) เพิ่มขึ้น 6.80% จากสิ้นเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานสรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์ของไทยโดยรวมในไตรมาส 3/2553 ขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศทีมีการเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยและตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องจากภาวะสภาพคล่องที่ยังอยู่ในระดับสูงในตลาดการเงินโลก และปัญหาเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ปรับดีขึ้นจากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 3/2553 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับขึ้นในอัตราสูงสุดในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาค ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวัน และปริมาณสัญญาการซื้อขายตราสารอนุพันธ์เฉลี่ยรายวันปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดนับแต่ตลาดหลักทรัพย์เริ่มเปิดซื้อขาย ณ สิ้นไตรมาส 3/2553 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ระดับ 975.30 จุด เพิ่มขึ้น 22.32% เมื่อเทียบกับดัชนี ณ สิ้นไตรมาส 2/2553 ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค และเพิ่มขึ้น 32.78% เมื่อเทียบกับดัชนี ณ สิ้นปี 2552 ในไตรมาส 3/2553 ดัชนีหลักทรัพย์รายกลุ่มอุตสาหกรรมทุกกลุ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มการเงิน ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทำให้อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นคาดการณ์ (Forward P/E Ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นไตรมาส 3/2553 อยู่ที่ระดับ 14.03 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 11.53 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2/2553 รวมทั้งส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของ SET และ mai ณ สิ้นไตรมาส 3/2553 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 7,941,998 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับแต่ ตลาดหลักทรัพย์ได้เปิดการซื้อขาย และคิดเป็น 82% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดนับจากปี 2539 ในไตรมาส 3/2553 มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันรวมทั้ง SET และ mai อยู่ที่ 36,138.28 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มเปิดซื้อขาย และเพิ่มขึ้น 53.82% จากไตรมาส 2/2553 โดยในไตรมาส 3/2553 ผู้ลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 59,986.85 ล้านบาท ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกของปี ผู้ลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 41,452.60 ล้านบาท ในภาพรวม ผู้ลงทุนสนใจซื้อขายหลักทรัพย์ขนาดกลางและเล็กมากขึ้น สะท้อนจากสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่ม Non-SET50 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จาก 26.75% ในไตรมาส 2/2553 เป็น 34.93% ในไตรมาส 3/2553 รวมทั้งสนใจซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศในสัดส่วนที่สูงขึ้น แต่ซื้อขายในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารในสัดส่วนที่ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2553 ด้านตลาดอนุพันธ์ ในไตรมาส 3/2553 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 18,305 สัญญา เป็นค่าเฉลี่ยของไตรมาสที่สูงที่สุดนับแต่ตลาดอนุพันธ์เปิดการซื้อขาย โดยเพิ่มขึ้น 36.13% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.69% จากไตรมาส 2/2553 ขณะที่ การระดมทุนในไตรมาส 3/2553 บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนรวม 21,713.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.40% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการระดมทุนของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) ในช่วงเดือนกันยายน มูลค่า 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การระดมทุนในไตรมาส 3/2553 แยกเป็นการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ (IPO) 2 บริษัท คือ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) (OFM) และ บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (IFS) มูลค่าระดมทุน 98 และ 162 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนเข้าใหม่ 1 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ เมอร์เคียว สมุย (MSPF) มูลค่าระดมทุน 828 ล้านบาท ขณะที่การระดมทุนในตลาดรองของ SET และ mai ในไตรมาส 3/2553 มีมูลค่ารวม 20,625.83 ล้านบาท คิดเป็น 95.00% ของมูลค่าการระดมทุนทั้งหมด
|
![]() | Today | 1437 |
![]() | All days | 1437 |
Comments