ไทยพาณิชย์"โชว์ปี′53โกยกำไรสุทธิ2.4หมื่นล. |
![]() |
![]() |
![]() |
Tuesday, 18 January 2011 18:42 | |||
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปี 2553 ธนาคารมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 24,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% จากปี 2552 ซึ่งเป็นผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมาจากการขยายตัวทั้งจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและรายได้ที่เป็นดอกเบี้ย ทั้งนี้ ใน3 ไตรมาสแรกสินเชื่อมีการเติบโตเป็นลำดับ และเติบโตอย่างมากในไตรมาสที่ 4 ส่งผลให้สินเชื่อทั้งปีขยายตัวถึง 12.6% เทียบกับปี ก่อนหน้า นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปี คุณภาพสินเชื่อมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างเด่นชัด สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.25% เทียบกับ 4.41% ณ สิ้นปี 2552 นับเป็นระดับต่ำสุดหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้กำไรสุทธิมีระดับสูงที่ “ผลประกอบการที่ดีของธนาคารเกิดจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจ SME และลูกค้าบุคคล แสดงให้เห็นถึงการเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศที่สามารถนำเสนอบริการทางการเงินที่ครบวงจรแก่ลูกค้าได้ทุกกลุ่ม” ประธานกรรมการบริหารกล่าวเสริมว่า “ในปีที่ผ่านมาแม้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความผันผวนทั้งภายในและภายนอกประเทศ แต่ผลประกอบการของธนาคารยังอยู่ในระดับสูง มาจากการที่เศรษฐกิจของประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง ลูกค้าของธนาคารสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ผลประกอบการที่ดียังสะท้อนถึงความสามารถของธนาคารในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ ตลอดจนความพร้อมที่จะเผชิญความท้าทายในอนาคต” นายวิชิต กล่าวว่า การขยายตัวของสินเชื่อในปี 2553 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสินเชื่อขยายตัวสูงถึง 12.6% เทียบกับปี 2552 การเติบโตของสินเชื่อในทุกกลุ่มธุรกิจหลักทั้งสาม ได้แก่ ธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจ SME และลูกค้าบุคคล ชี้ให้เห็นถึงผลสำเร็จในการดำเนินยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของธนาคาร คุณภาพสินทรัพย์มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 3.25% เทียบกับ 4.41% ณ สิ้นปี 2552 นับเป็นระดับต่ำสุดหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ คุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้การตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงมาอยู่ที่ 4,661 ล้านบาท (เทียบกับ 5,605 ล้านบาทในปี 2552) ขณะเดียวกัน อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 107.5% ณ สิ้นปี 2553 เทียบกับ 95.4% ณ สิ้นปี 2552 การเติบโตของกำไรสุทธิเป็นผลจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้นถึง 20.6% มาอยู่ที่ 32,655 ล้านบาท เทียบกับ 27,082 ล้านบาทในปี 2552 โดยปัจจัยหลักมาจากธุรกิจของกลุ่มลูกค้าบุคคล ได้แก่ กองทุนรวม ธุรกิจบัตร Bancassurance ผลิตภัณฑ์และบริการทาง การเงินอื่นๆ รวมถึงรายได้จากการลงทุน ขณะเดียวกันรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลเพิ่มขึ้น 6% ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของดอกเบี้ยจ่ายและการลดการกู้ยืมระยะสั้นของบริษัทในเครือ ด้านนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ปริมาณธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ผลกำไรสุทธิที่ดี ตลอดจนคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นฐานที่แข็งแกร่งของธนาคารในการเริ่มต้นธุรกิจของปี 2554 ธนาคารหวังว่า ด้วยปัจจัยบวกข้างต้น จะทำให้ธนาคารสามารถขยายสินเชื่อและบริการทางการเงินต่างๆ ได้ในระดับสูงและเป็นผู้นำตลาด นอกจากนี้ การสร้างความผูกพันให้เกิดกับลูกค้าและพนักงาน การมีธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ การดำเนินธุรกิจได้ตามยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่วางไว้ เป็นสิ่งที่ทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารชั้นนำของประเทศที่มีความแตกต่างและโดดเด่นในตลาด
|
![]() | Today | 1046 |
![]() | All days | 1046 |
Comments