ซิตี้แบงก์ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้โต4.7% |
Thursday, 18 July 2013 18:06 | |||
นายฮาเรน ซาห์ ผู้อำนวยการและนักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส บริหารความมั่งคั่ง ซิตี้เอเชียแปซิฟิก ธนาคารซิตี้แบงก์ เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนช่วงครึ่งหลังปี 56 ยังคงเน้นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะมองว่ายังจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าสินทรัพย์อื่น และคาดว่าผลกำไรของบริษัทเอกชนน่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งสำหรับตลาดหุ้นไทยประเมินว่าดัชนี SET ช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากผ่านจุดต่ำสุดที่ 1,300 จุดไปแล้ว และยังคงเป้าหมายดัชนี SET ในปี 57 ไว้ที่ 1,535 จุด
ทั้งนี้ การประเมินดังกล่าวอยู่ภายใต้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัว 4.7% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.8% ในปีหน้า ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในครึ่งหลังของปีนี้ หลังจากแผ่วลงไปในไตรมาส 2/56 จะมาจากการส่งออกที่จะฟื้นตัวขึ้นมาขยายได้ตัวได้ 6.2% ในปีนี้ เป็นผลจากเศรษฐกิจโลก เช่น สหรัฐเริ่มขยายตัวดี การนำเข้าคาดว่าจะขยายตัวได้ 6.3% การบริโภคขยายตัว 3.6% การลงทุน 7.2% ขณะที่การลงทุนของภาครัฐจะเป็นหนึ่งในแรงส่งสำคัญ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท และการบริหารจัดการน้ำวงเงินรวม 350,000 ล้านบาท
“ตอนนี้เราพูดได้ว่ามีการคาดหมายต่างๆ เกี่ยวกับสภาวะตลาดครึ่งปีหลังว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากดูจากภาวะตลาดการเงินทั่วโลกที่มีผลตอบแทนที่ดีกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้สำหรับปีนี้...ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ดี เห็นจากการที่ MSCI World Index ตั้งแต่ต้นปี จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ปรับตัวขึ้น 9% การปรับตัวขึ้นที่ดีที่สุดเกิดขึ้นในตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ตลาดเกิดใหม่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่า" นายชาห์ กล่าว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของ ซิตี้ แบงก์ ยังคงเน้นให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นด้วยเหตุผล 2 ประการ ด้วยกัน ประการที่ 1 ในขณะที่ราคาหุ้นไม่ได้ถูกแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาหลังจากเกิดวิกฤตทางการเงินหุ้นเหล่านั้นยังคงมีลักษณะที่มีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงน่าสนใจมากกว่าการถือเงินสดหรือตราสารหนี้ ประการที่ 2 ผลกำไรของบริษัทอาจจะเปลี่ยนเป็นทิศทางขาขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะดีดตัวกลับในช่วงครึ่งปีหลัง
นายชาห์ ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็มีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นในเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตอนเหนือ อาทิ ฮ่องกง เกาหลีและไต้หวัน ที่จะได้รับอิทธิพลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในส่วนของการของลงทุนในตราสารหนี้นั้น แนะให้ใช้กลยุทธ์ตั้งรับโดยให้ถือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดีหรือมีความเสี่ยงต่ำ
ซิตี้ แบงก์ คาดการณ์ว่าปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 คือ สภาพคล่องทางการเงินที่ยังคงมีอยู่ในตลาด เห็นได้จากการที่ญี่ปุ่นพยายามที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยการประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายทางการเงินครั้งใหญ่ ปัจจัยนี้ผนวกเข้ากับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยุโรปและออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายดังที่สหรัฐได้ดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้มากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ และนโยบายดังกล่าวน่าจะยังคงอยู่ต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ จากสภาพคล่องที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งส่งผลให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอย่างหุ้น ยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เชื่อว่านักลงทุนควรเลือกจัดพอร์ตการลงทุนแบบสมดุลในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยแนะให้ลดการถือเงินสดและตราสารหนี้ และหันไปถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นแทน ทั้งนี้จะต้องไปลงทุนในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง สินทรัพย์มีคุณภาพและกำไรของบริษัทเติบโต เป็นการเปลี่ยนจากยุทธศาสตร์เชิงรับมาเป็นเชิงรุก แต่ทั้งนี้ควรที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวกด้วย เพื่อให้การบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
|
Today | 627 | |
All days | 627 |
Comments