Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Hot News Rubber City ความหวังบนความท้าทายของวงการยางพาราไทย
Rubber City ความหวังบนความท้าทายของวงการยางพาราไทย PDF Print E-mail
Monday, 14 March 2016 09:55

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) ออกบทวิเคราะห์ เรื่อง Rubber City ความหวังบนความท้าทายของวงการยางพาราไทย  โดยระบุว่า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ประกาศเชิญชวนให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2016  ณ งาน Global Rubber & Latex Expo 2016 (GRTE2016) และจะเร่งเครื่องพัฒนาก่อสร้างโครงการ Rubber City ให้เป็นไปตามนโยบาย super cluster ของรัฐบาล โดยคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2018 ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มปริมาณการบริโภคยางพาราในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ยางพาราขั้นกลางน้ำและปลายน้ำของไทยมีการขยายตัวมากขึ้น

 

ในระยะเวลาใกล้เคียงกันมาเลเซียก็มีการผลักดันKedah’s Rubber City ให้เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน จากข้อมูลของ Ku Abdul Rahman State Government ของมาเลเซีย คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยโครงการนี้มีระยะห่างจากโครงการ Rubber City ของไทยราว 80 กิโลเมตร ทั้งนี้ ภายในปี 2025 มาเลเซียมองว่าจะสามารถขยายพื้นที่โครงการได้มากราว 6 ล้านตารางเมตร ขณะที่ปัจจุบันไทยมีพื้นที่โครงการราว 2 ล้านตารางเมตร (ไม่รวมเนื้อที่ของโครงการอุตสาหกรรมภาคใต้ที่มีอยู่เดิม 3.8 ล้านตารางเมตร) ทั้งนี้ อินโดนีเซียก็กำลังศึกษาโครงการ Rubber City ด้วยเช่นกัน

 

อีไอซีมองว่าอุตสาหกรรมยางพาราไทยจะมีการขยายตัวได้ดีในอนาคตหากมีการร่วมมือกับมาเลเซียและอินโดนีเซียในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราทั้งระบบ ก่อนหน้านี้ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย (ผลผลิตรวมกันราว 60% ของยางพาราทั่วโลก) ได้จับมือกันลดปริมาณการส่งออกยางพารา ภายใต้ข้อตกลงที่จะใช้มาตรการส่งเสริมยางพาราในประเทศให้เพิ่มขึ้นตามความร่วมมือไตรภาคียางพารา โดยมองว่าความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราทั้งระบบที่มาถูกทางแล้ว เนื่องจากจะช่วยให้ปริมาณอุปทานในตลาดโลกลดลงได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การร่วมมือกันระหว่างสามประเทศในเชิงของพันธมิตร ด้วยการพัฒนาจุดแข็งและปรับปรุงจุดอ่อนร่วมกัน จะส่งผลให้อุตสาหกรรมยางพาราไทยในระยะยาวมีการขยายตัวได้ดีตามลำดับ

 

อีไอซีแนะนักลงทุนควรศึกษาแผนการลงทุนทั้ง2ประเทศให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุนเนื่องจากการสร้างโครงการที่มีลักษณะคล้ายกันและระยะเวลาใกล้เคียงกันนั้น ข้อเสนอต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่นักลงทุนของแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกัน โดยหากนักลงทุนเลือกข้อเสนอที่เหมาะสมก็จะสร้างประโยชน์กับนักลงทุนได้ในระยะต่อไป

 

นอกจากนี้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางพาราไทยควรมองหาแนวทางในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ธุรกิจ(value chain) จากความร่วมมือกันระหว่างประเทศ ทั้งนี้ หากความร่วมมือไตรภาคียางพารามีความแข็งแกร่งและเหนียวแน่นมากขึ้น value chain ของยางพาราทั้งระบบจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบ cluster มากขึ้นในอนาคต ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1730
mod_vvisit_counterAll days1730

We have: 1726 guests online
Your IP: 216.73.216.73
Mozilla 5.0, 
Today: Jun 20, 2025

8169600