Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Hot News อีไอซีมองเพิ่มการผลิต น้ำมันของ OPECยังไม่รองรับตลาดตึงตัว
อีไอซีมองเพิ่มการผลิต น้ำมันของ OPECยังไม่รองรับตลาดตึงตัว PDF Print E-mail
Tuesday, 26 June 2018 12:05

OPEC และ Non-OPEC Ministerial Meeting ครั้งที่ 4 ตกลงปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมั นดิบ จากผลการประชุมร่วมกัน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2018 มีมติเห็นชอบในการปรับเพิ่มปริม าณการผลิตน้ำมันดิบ โดยมีเป้าหมายจะปรับลด compliance rate จาก 152% ในเดือนพฤษภาคม 2018 ลงเหลือ 100% ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 เพื่อรักษาสมดุลของอุปสงค์และอุ ปทานน้ำมันในตลาดโลก และรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน โดยคาดว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตร าว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 1% ของการผลิตน้ำมันโลก

อีไอซีมองราคาน้ำมันดิบ Brent ในช่วง 2H2018 มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงที่รา ว 70-75 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณอุปทานที่ปรับเพิ่ มขึ้นยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยปริ มาณอุปทานที่ตลาดคาดว่ าจะลดลงจากอิหร่าน และเวเนซุเอลา  ทั้งนี้ คาดว่าผลจากการคว่ำบาตรของสหรัฐ ฯ ต่ออิหร่าน จะทำให้อุปทานในตลาดโลกลดลงราว 2 แสน-1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประกอบกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่มีปริมาณน้ำมันดิบสำรองมากที่สุ ดในโลกอย่างเวเนซุเอลา ประสบปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจทำใ ห้ต้องลดการผลิตน้ำมันอย่างต่อเ นื่องจาก 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมกราคม 2017 มาอยู่ที่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าเวเนซุเอลาจะปรับลดก ารผลิตลงเหลือไม่เกิน 8 แสนบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งปีห ลัง

แม้ว่ามติที่ประชุม OPEC จะทำให้มีการคาดการณ์กันว่า OPEC จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อชดเชยเหตุ การณ์ดังกล่าว แต่ OPEC อาจผลิตได้จริงเพียง 6-8 แสนบาร์เรลต่อวันเท่านั้น เนื่องจากข้อจำกัดของโควตาการผลิ ตระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก โดยผู้ผลิตที่มีกำลังการผลิตสำร องเหลืออย่าง ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคูเวต ที่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำ มันได้ แต่ขณะนี้มีการผลิตใกล้เคียงกับ โควตาของตนเองอยู่แล้ว เป็นผลให้การผลิตจริงอาจต่ำกว่า ปริมาณที่คาดการณ์

อีไอซีคาด ปริมาณความต้องการน้ำมันดิบของโ ลกยังปรับระดับสูงขึ้นอย่างต่อเ นื่องในช่วง 2H2018 โดยเฉพาะช่วง 4Q2018 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการใช้น้ำ มันโลก ซึ่งสอดคล้องกับที่ OPEC คาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันใน ปี 2018 จะเพิ่มขึ้นอีก 1.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่า งต่อเนื่อง นอกจากนี้ น้ำมันดิบคงคลังของประเทศกลุ่ม OECD (The Organization of Economic Cooperation and Development) ซึ่งมีปริมาณการใช้น้ำมันราว 50% ของโลก ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ในเดือนมีนาคม 2018 มาอยู่ที่ 2,812 ล้านบาร์เรล และต่ำกว่าระดับน้ำมันดิบคงคลัง ค่าเฉลี่ย 5 ปี สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใช้ น้ำมันอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการขึ้นของราคาน้ำมัน

นอกจากนี้ การเพิ่มปริมาณการผลิตตามข้อตกล งสอดคล้องกับนโยบายของซาอุดีอาร ะเบียที่ต้องการรักษาเสถียรภาพข องราคาน้ำมัน โดยซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายราค าน้ำมันอยู่ในช่วง 70-80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเสถียรภาพทางเ ศรษฐกิจตามแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่ต้องการลดการพึ่งพาน้ำมันและ เปลี่ยนเป็น hub ด้านการค้าในตะวันออกกลางแทน ในขณะเดียวกันก็รักษาระดับราคาน้ำ มันไม่ให้ต่ำจนเกินไป เนื่องจากซาอุดีอาระเบียมีแผนกา รออก IPO ของบริษัท Saudi Aramco ในปี 2019 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักล งทุนว่าซาอุดีอาระเบียสามารถจัด การระดับอุปสงค์และอุปทานให้มีค วามสมดุลเพื่อลดความผันผวนของรา คาน้ำมัน

อีไอซีมองราคาน้ำมันดิบที่ทรงตั วในระดับสูงจะส่งผลบวกต่อผู้เล่ นหลักในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง กับน้ำมัน และมูลค่าการส่งออกของไทย  สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมัน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต้นน้ำอย่างบ ริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จะมีรายได้มากขึ้นจากราคาน้ำมัน ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน ในขณะเดียวกัน  เชื้อเพลิงชีวภาพ B20 จะได้รับอานิสงส์จากการที่ผู้บริ โภคมีการปรับเปลี่ยนมาใช้มากขึ้ นตามการสนับสนุนของภาครัฐ รวมทั้งผู้เล่นในอุตสาหกรรมปิโต รเคมีที่รายได้มีแนวโน้มสูงขึ้น จากส่วนต่างราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ สูงกว่าราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ในส่วนของภาคการส่งออก ระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะสนั บสนุนการขยายตัวของมูลค่าการส่ง ออกของไทยจากปัจจัยด้านราคา โดยอีไอซีคาดการณ์ว่าในปี 2018 มูลค่าการส่งออกของไทยจะเติบโตที่ 8.5% ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2018 สินค้าที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมั น ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และเคมีภัณฑ์และพลาสติก เติบโต 30.7%YOY และ 29.5%YOY ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสู งนั้นจะส่งผลลบต่อผู้ประกอบการที่ มีต้นทุนน้ำมันเป็นสัดส่วนใหญ่ เช่น ธุรกิจสายการบิน ขนส่งและโลจิสติกส์ อาจต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้ น รวมไปถึงภาคครัวเรือนผู้ใช้รถจะ ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันขายป ลีกที่อยู่ในระดับสูงเช่นกัน อย่างไรก็ดีมาตรการดูแลราคาขายป ลีกจากเงินกองทุนน้ำมันจะช่วยลด ผลกระทบของภาคธุรกิจและครัวเรือ นไปด้วยในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าสินค้าในกลุ่มสิ นค้าเชื้อเพลิงในเดือนพฤษภาคมเติ บโตกว่า 25%YOY ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday649
mod_vvisit_counterAll days649

We have: 647 guests online
Your IP: 216.73.216.139
Mozilla 5.0, 
Today: Dec 21, 2025

8189960