Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Hot News ซัมมิท แคปปิตอล ตั้งเป้ารายได้รวมปี62เติบโต15%
ซัมมิท แคปปิตอล ตั้งเป้ารายได้รวมปี62เติบโต15% PDF Print E-mail
Saturday, 26 January 2019 09:19

ซัมมิท แคปปิตอล ตั้งเป้าเติบโตอย่างมั่นคงในปีที่ 25 ด้วยการขับเคลื่อนคุณภาพ ควบคู่คุณธรรม พร้อมพัฒนาระบบบริการครอบคลุมทุกมิติ ขยายเครือข่ายดีลเลอร์ ยกระดับคุณภาพบุคลากร ชูเทคโนโลยี ดันรายได้รวมปี 2562 เติบโตขึ้นอีกกว่าร้อยละ 15 หลังรายได้รวมปี 2561 ทะลุเป้า โตขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 30 และจำนวนสัญญาใหม่ของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 และมี NPL เพียง    ร้อยละ 1 คาดการณ์เศรษฐกิจโดยรวมปี 2562 ชะลอตัว

นายวิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด เผยถึงความสำเร็จในปีที่ผ่านมาว่า “แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของปี 2561 จะค่อนข้างชะลอตัว และสถิติรถมอเตอร์ไซค์จดทะเบียนใหม่ของกรมขนส่งทางบกในปี 2561 จะมีจำนวนเพียง 1.79 ล้านคัน หรือลดลงจากปี 2560 ถึงร้อยละ 1.24* แต่ซัมมิท แคปปิตอล ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ โดยเห็นได้จากคาดการณ์ตัวเลขรวมของอัตราการเติบโตของยอดสินเชื่อคงค้าง จำนวนสัญญาใหม่สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และรายได้รวม ที่มีอัตราเพิ่มจากปี 2561 เท่ากับร้อยละ 27 ร้อยละ 13 และ ร้อยละ 30 ตามลำดับ  ซึ่งถือได้เป็นอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น และซัมมิท แคปปิตอลยังคงรักษาปริมาณหนี้เสีย (NPL) คงเกณฑ์ดี ที่ประมาณร้อยละ 1 เท่านั้น สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของปี 2562 คาดว่าจะเติบโตได้ แม้จะเป็นในรูปแบบชะลอตัว เนื่องจากทั่วโลกยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สงครามทางการค้า รวมถึงปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับการปรับลดลงของราคาน้ำมันและดัชนีภาคการผลิตโลก

ที่ผ่านมาซัมมิท แคปปิตอล ได้ให้บริการสินเชื่อโดยรวมมากกว่า 37,000 ล้านบาทกับลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจกว่า 790,000 รายทั่วประเทศ สำหรับในปีที่ 25 หรือปี 2562 นี้ ซัมมิท แคปปิตอลตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตเพิ่มอีกกว่าร้อยละ 15 และสัญญาใหม่ของสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์เพิ่มขึ้นร้อยละ 9  พร้อมมุ่งนำแนวคิด “ขับเคลื่อนคุณภาพ ควบคู่คุณธรรม เพื่อความยั่งยืน” มาเป็นหลักในการดำเนินงาน พัฒนาทั้งบริการและคุณภาพด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญเพื่อรักษาอัตราการเติบโต และเตรียมพร้อมปรับตัวในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกและประเทศไทย ได้แก่

พัฒนาเทคโนโลยี ในปี 2561 ซัมมิท แคปปิตอล ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์การให้บริการด้านสินเชื่อในยุคดิจิทัล 4.0 โดยเน้นการพัฒนาในระบบ Mobility Technology เป็นหลัก อาทิ Summit Smart System หรือการรับสมัครสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยนต์ผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น  Credit Scoring System หรือการคัดกรองคุณภาพลูกค้า รวมทั้งทั้งซื้อระบบไอทีจากอินเดีย เพื่อทำให้เกิดความแม่นยำในการประมวลผลและวิเคราะห์คุณภาพของลูกค้า โดยสามารถอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เบื้องต้นให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว หรือภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที และในปี 2562 บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโต เช่น บริษัทกำลังจะเปิดตัวระบบ Daily Observed Checking System ที่ถูกพัฒนาและนำมาใช้เพื่อการตรวจสอบคุณภาพการให้บริการของพนักงานอีกขั้นตอนหนึ่งก่อนทำการอนุมัติสินเชื่อทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในการใช้บริการมากขึ้น ภายในไตรมาสที่ 1 และระบบอื่นๆ เช่น Collection and Recovery System หรือระบบติดตามทวงถามหนี้ ผ่าน platform โมบายแอพพลิเคชั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถค้นหาลูกค้าด้วยระบบ GPS และตรวจสอบสถานะของลูกค้าได้รวดเร็ว และ Loan Management System หรือระบบการบริหารสินเชื่อที่สามารถเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดสินเชื่อรายย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวางแผนเปิดใช้บริการภายในปีงบประมาณ 2562

“ปีนี้ บริษัทเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ โดยเตรียมเงินลงทุนด้าน ไอที อีกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท  ต่อเนื่องจากปีก่อนที่ลงทุนไอทีไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท รวมทั้ง ซื้อระบบจากประเทศอินเดีย  เพื่อนำมาใช้ตรวจสอบคุณภาพการให้บริการของพนักงาน  และระบบติดตามทวงถามหนี้ ผ่าน ช่องทางโมบายแอพพลิเคชั่น  เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงยุคดิจิทัล โดยปีที่ผ่านมา  บริษัทได้ลงทุนซื้อสมาร์ทโฟน แจกพนักงานขายที่ประจำอยู่ที่ดีลเลอร์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ทุกคนจำนวน 500 เครื่อง   พร้อมพัฒนาแอปพลิเคชัน  มาใช้คัดกรองคุณภาพลูกค้า เพื่อวิเคราะห์สินเชื่อได้แม่นยำ ทำให้บริษัทสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ภายใน 30 นาที  และยังสามารถอนุมัติสินเชื่อได้สูงถึง   75 %  ของผู้ยื่นขอสินเชื่อ ขณะที่ลูกค้าที่ถูกปฎิเสธสินเชื่อรู้ผลภายใน 5 นาที และมีผู้ถูกปฎิเสธมีสัดส่วน 25 % ของผู้ยื่นขอสินเชื่อ”

ขยายพันธมิตรคู่ค้า รุกสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับดีลเลอร์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายให้ครอบคลุมทุกจังหวัด จากปีที่แล้วมีคู่ค้า 800 ราย หรือ 2,500 โชว์รูม ปัจจุบันมีคู่ค้ามากกว่า 900 ราย หรือ 2,800 โชว์รูมทั่วประเทศ หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 15 และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนคู่ค้าอีกร้อยละ 10 ในปี 2562

ยกระดับบุคลากร ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรกว่า 1,600 คนทั่วประเทศ ด้วยหลักสูตรอบรมเพื่อสร้างความเป็นมืออาชีพและพร้อมรองรับความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 4.0 โดยภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 บริษัทฯวางแผนจะนำระบบการพัฒนามนุษย์ หรือ Summit Academy System มาใช้กับพนักงานเพื่อวัตถุประสงค์ในการเข้าถึงและครอบคลุมพนักงานได้ทั่วประเทศ พนักงานสามารถเข้ารับการอบรมได้ด้วยตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมสามารถประเมินและตรวจสอบประสิทธิภาพการเข้าอบรมได้อย่างรวดเร็ว และมีแผนเพิ่มพนักงานอีกร้อยละ 9 จาก 1,600 คน เป็น 1,800 คน

รวมทั้งมีการวางเป้าหมายเพิ่มเติมจากการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ด้วยการยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงาน และแนวคิด “ขับเคลื่อนคุณภาพ ควบคู่คุณธรรม เพื่อความยั่งยืน” เพื่อก้าวสู่องค์กรคุณธรรมที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างยั่งยืน และมุ่งมั่นในการเป็น “ผู้ให้” และ “เอาใจใส่” ต่อความสุข ความปลอดภัยของสังคม

ขณะเดียวกัน นายวิชิต กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยว่า ปีทีแล้ว นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับขึ้นจาก 1.50 %  เป็น 1.75 % และในปีนี้ คาดว่า ดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นอีกรอบ ขยับขึ้นมาเป็น  2 %  ทำให้ต้นทุนการเงินของบริษัทเพิ่มขึ้น แต่ขอยืนยันว่าบริษัทจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยนต์   โดยยอมแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และมีแนวทางหารายได้มาชดเชย ด้วยการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ให้เพิ่มขึ้น ส่วนทางกับยอดขายรถจักรยานยนต์ที่ลดลง ซึ่งต้องแย่งส่วนแบ่งตลาดกับคู่แข่งขัน ทำให้การแข่งขันในธุรกิจลีสซิ่งจักรยานยนต์รุ่นแรงมากขึ้น

สำหรับมาตรการใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่เตรียมประกาศคุมสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานต์ยนต์ ซึ่งเตรียมประกาศใช้เร็วๆนี้ มีผลให้ผู้ประกอบการสินเชื่อห้องแถว ได้รับผลกระทบและล้มหายตายจากไปจำนวนมาก  เพราะการประกอบธุรกิจช่าซื้อจักรยานต์ยนต์ ต้องไปยื่นขออนุญาตจากธปท. และที่สำคัญต้องคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามประกาศของธปท. ขณะเดียวกันหากต้องการประกอบธุรกิจจำนำทะเบียนรถ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ธปท.เตรียมคลอดหลักเกณฑ์สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกันปลายเดือนม.ค.2562 โดยผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลระดับประเทศที่ต้องการจะให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ซึ่งอยู่ภายใต้การ กำกับดูแลของ ธปท.ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อไม่ได้กำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ โดยมีเพดานดอกเบี้ยที่คิดรวมค่าธรรมเนียมตามที่ ธปท.กำหนดแล้ว (ค่าติดตามทวงถามหนี้, ค่าอากรแสตมป์, ค่าใช้จ่ายกรณีเช็คคืน) ต้องไม่เกิน 28% ต่อปี โดยธปท. จะเข้ามากำกับดูแลให้เกิดความโปร่งใส เช่น กรณีการเปิดเผยอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม การจัดทำสัญญา ตารางแสดงภาระหนี้ ใบเสร็จรับเงิน โดยการแจ้งภาระหนี้ต่อลูกค้าจะต้องแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนครบกำหนดชำระหนี้ และแจ้งเตือนกรณีผิดนัดชำระหนี้ก่อนดำเนินการบังคับชำระหนี้ มีการรักษาข้อมูลลูกค้าเป็นความลับ รวมทั้งจัดให้มีศูนย์รับเรื่องร้องเรียน เป็นต้น

ผู้สนใจประ กอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลระดับประเทศที่เข้าเกณฑ์ ต้องแจ้งความจำนงมายัง ธปท. เพื่อยื่นคำขออนุญาตในการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 60 วันในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ก่อนจะนำเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาออกใบ อนุญาต ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน รวมใช้ระยะเวลาทั้งหมดไม่เกิน 120 วัน

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday842
mod_vvisit_counterAll days842

We have: 841 guests online
Your IP: 216.73.216.139
Mozilla 5.0, 
Today: Dec 21, 2025

8222672