Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Hot News กูรูทิสโก้ชี้หุ้นโลกอาจย่อตัวระยะสั้น คล้ายช่วงวิกฤตซับไพรม์
กูรูทิสโก้ชี้หุ้นโลกอาจย่อตัวระยะสั้น คล้ายช่วงวิกฤตซับไพรม์ PDF Print E-mail
Tuesday, 26 January 2021 09:51

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ คาดหุ้นทั่วโลกอาจย่อตัวระยะสั้น คล้ายวิกฤตซับไพรม์หลังเศรษฐกิจเริ่มโตแผ่ว แรงเก็งกำไรในตลาดหุ้นเริ่มสูง แต่ระยะยาวยังมีปัจจัยหนุนจากนโยบายการเงินผ่อนคลาย กระจายวัคซีนคืบหน้า แนะจับจังหวะเข้าซื้อหุ้นจีน เพราะราคาหุ้นถูก และกำไรโตดี

นายคมศร ประกอบผล ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากจุดต่ำสุดในปีที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 ที่ใช้เวลาเพียง 10 เดือนในการปรับขึ้น 72% นับจากจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 ถือเป็นการฟื้นตัวที่เร็วที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ และคล้ายกับการฟื้นตัวในวิกฤตซับไพรม์ปี 2552 เป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของความเร็ว ขนาด และรูปแบบในการฟื้นตัว

“หากพิจารณาการฟื้นตัวจากช่วงซับไพรม์จะพบว่าดัชนี S&P 500 ได้ปรับฐานประมาณ 10% ในเดือนที่ 11 ของการฟื้นตัว ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดหุ้นในช่วงนี้มีความเสี่ยงที่จะปรับฐานเช่นกัน โดยการปรับฐานของตลาดในรอบซับไพรม์นั้นมีสาเหตุจาก 1. ตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มแผ่วลงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 และ 2.การยุติมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ  (Fed) ในเดือนมีนาคม 2553” นายคมศรกล่าว

สำหรับการฟื้นตัวในรอบนี้ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ได้เริ่มเห็นการปรับตัวขึ้นของเศรษฐกิจ ในลักษณะที่แผ่วลงแบบเดียวกับวิกฤตซับไพรม์ ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดระลอกสองในหลายประเทศ นอกจากนี้ ยังเห็นภาวะการเก็งกำไรการลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างสูง โดยวัดจากดัชนีชี้วัดภาวะการเก็งกำไร เช่น Put-call Ratio, ปริมาณการถือครองเงินสดของผู้จัดการกองทุน ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายปี และปริมาณกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin) ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการปรับฐาน

อย่างไรก็ตาม หากตลาดหุ้นเกิดการปรับฐานในรอบนี้ ประเมินว่าจะเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น และอาจไม่รุนแรงเท่ากับในอดีต เนื่องจากมีปัจจัยบวก ด้านนโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่ยังผ่อนคลายอย่างมาก รวมถึงความคืบหน้าจากการกระจายวัคซีนที่ยังช่วยหนุนตลาด

ขณะที่ในระยะยาวยังมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเติบโตของกำไร ซึ่งจะผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อ นำโดยกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) ที่มีแแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคนี้มีโอกาสเติบโตสูง ขณะที่ระดับราคาหุ้น (Valuation) ยังไม่แพงมาก

โดยตลาดหุ้นที่มีความน่าสนใจที่สุดในภูมิภาคนี้ คือ ตลาดหุ้นจีน (CSI300) เห็นได้จากอัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (Forward P/E Ratio) ที่อยู่ประมาณ 15 เท่า ซึ่งยังต่ำว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500 ที่ 22 เท่า) และตลาดหุ้นไทย (SET Index ที่ 19 เท่า) อยู่พอสมควร ซึ่งสะท้อนว่า ตลาดหุ้นจีนยังมีราคาไม่แพง และยังมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้ ตามทิศทางเดียวกับกำไร ดังนั้น การปรับฐานของหุ้นในรอบนี้จึงแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีน เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1078
mod_vvisit_counterAll days1078

We have: 1076 guests online
Your IP: 216.73.216.198
Mozilla 5.0, 
Today: Jul 01, 2025

8177328