ธ.ก.ส. ผนึกกำลังกรมป่าไม้ นำร่องฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม เพิ่มพื้นที่สีเขียว |
![]() |
![]() |
![]() |
Friday, 04 July 2025 00:12 | |||
ธ.ก.ส. จับมือ กรมป่าไม้ นำร่องภารกิจฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมบนพื้นที่ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน กว่า 400 ไร่ พร้อมสร้างฐานการซื้อ - ขายคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ผ่านโครงการ BAAC Carbon Credit ตั้งเป้าต่อยอดแผนฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมและรักษาพื้นที่ป่าชุมชนทั่วประเทศอีกรวมกว่า 4,500 ไร่ เน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดปัญหาโลกร้อน และสร้างระบบการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เป็นธรรม ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. และ กรมป่าไม้ ได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการ BAAC Carbon Credit ป่าชุมชนและป่าเสื่อมโทรม เพื่อร่วมกันบำรุงรักษาและอนุรักษ์ป่าชุมชนและฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม ภายใต้กรอบระยะเวลา 15 ปี โดยในวันนี้ (3 กรกฎาคม 2568) ธ.ก.ส. และกรมป่าไม้ ได้จัดกิจกรรมปลูกป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ณ พื้นที่ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน ที่เป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และดูแลรักษาป่าชุมชนอย่างเป็นระบบ รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ BAAC Carbon Credit โดย ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนให้เกษตรกรและชุมชนธนาคารต้นไม้ในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการสามารถปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว และวางฐานในการนำต้นไม้ที่ปลูกมาขึ้นทะเบียนกับโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program : T-VER) และต่อยอดไปสู่การขายคาร์บอนเครดิต เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชนอย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ธ.ก.ส. และ กรมป่าไม้ ตั้งเป้าหมายในการฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม จำนวน 423 ไร่ และรักษาพื้นที่ป่าชุมชนอีกกว่า 4,000 ไร่ ควบคู่กับการดึงศักยภาพของชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูก ดูแล และอนุรักษ์ป่า โดยสนับสนุนองค์ความรู้ และการติดตามประเมินผลโครงการ ตั้งแต่เริ่มต้นปลูกต้นไม้ การขึ้นทะเบียน T-VER การวัดผลประเมินคาร์บอนเครดิต จนถึงการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตผ่านโครงการ BAAC Carbon Credit อย่างต่อเนื่อง โดยธ.ก.ส. ยังคงเดินหน้าขึ้นทะเบียน T-VER ให้กับชุมชนธนาคารต้นไม้ที่ ธ.ก.ส. สนับสนุน ทั้ง 6,800 ชุมชน ทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถกักเก็บปริมาณการซื้อขายคาร์บอนเครดิตสะสม 46,951 ตันคาร์บอน สร้างพื้นที่สีเขียวกว่า 20,000 ไร่ หรือคิดเป็นจำนวนต้นไม้กว่า 4.95 ล้านต้น ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรและชุมชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดปัญหาโลกร้อน และสร้างโอกาสในการรับประโยชน์จากป่า ทั้งในเรื่องอาหาร พืชพันธุ์ และสมุนไพร รวมถึงการเปลี่ยนอากาศบริสุทธิ์ให้กลายเป็นรายได้สู่ชุมชน อีกทั้งยังช่วยตอบโจทย์เป้าหมายการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี ค.ศ. 2065 +++++++++++++++++++++++++++++++++
|
![]() | Today | 1370 |
![]() | All days | 1370 |
Comments