มจธ. ร่วมกับ เทศบาลเมืองเพชรบุรี เปิดศูนย์ขยะ RETURN-NA (รีเทิร์นนะ) “พระนครคีรีโมเดล” |
![]() |
![]() |
![]() |
Saturday, 06 September 2025 09:51 | |||
+ต้นแบบแหล่งเรียนรู้การบริหารจัดการขยะเป็นศูนย์ (ZERO WASTE) ปัญหาขยะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะส่งผลกระทบหลายด้าน และนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะปัญหาขยะตกค้างในสิ่งแวดล้อม เพชรบุรีเป็น 1 ใน 4 จังหวัดชายฝั่งอ่าวไทยที่พบว่าประสบปัญหาเรื่องขยะที่เป็นส่วนผสมระหว่างขยะอุตสาหกรรม ขยะที่เกิดจากการท่องเที่ยวและขยะจากชุมชนเทศบาล ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของขยะแถบชายฝั่งทะเล ทั้งนี้เทศบาลเมืองเพชรบุรีและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้ตระหนักถึงปัญหาตกค้างในสิ่งแวดล้อม เกิดการสะสมจนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคและมีปริมาณขยะจำนวนมากที่ไหลลงสู่แหล่งน้ำ และสุดท้ายกลายเป็นขยะทะเล ด้วยเหตุนี้ “โครงการการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนด้านการบริหารจัดการขยะและการนำไปใช้ประโยชน์ด้านพลังงานและอื่นๆ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน” ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนบูรณาการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน ปีงบประมาณ 2561 โดยมีวัตถุประสงค์ในการศึกษาปัญหาขยะและการบริหารจัดการขยะของจังหวัดชายฝั่งทะเลอ่าวไทย จึงนำมาสู่การบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนและการประสานงานในการดำเนินการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการขยะ หรือ ศูนย์ขยะ “RETURNNA”(รีเทิร์นนะ) ภายใต้โครงการดังกล่าว ระหว่างนายกิตติพงษ์ เทพพานิช นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี นางสาวสุภาพ สะคราญ ประธานชุมชนพระนครคีรี กับ รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. เมื่อวันอังคารที่ 2 กันยายน 2568 ณ ที่ทำการชุมชนพระนครคีรี ต.คลองกระแซง อ.เมือง จ.เพชรบุรี พร้อมกับรับมอบอาคารและครุภัณฑ์ศูนย์การเรียนรู้ฯ เพื่อเป็น "พระนครคีรีโมเดล”ต้นแบบแหล่งเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการขยะให้เป็นศูนย์ (ZERO WASTE) ให้กับชุมชนอื่นๆ โดยมี ผศ. ดร.จิรวรรณ เตียรถ์สุวรรณ หัวหน้าโครงการ นายวิโรจน์ นุชถาวร รองนายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี พลตำรวจตรีกิตติ สะเภาทอง ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี และนายจรุงศักดิ์ เรืองแก้ว ปลัดเทศบาลเมืองเพชรบุรี ร่วมเป็นสักขีพยาน นายกิตติพงษ์ เทพพานิช นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมถือเป็นปัญหาที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาขยะซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะปัญหาขยะตกค้างในสิ่งแวดล้อมรวมถึงปัญหาขยะในทะเล ทำให้มีการสะสมของไมโครพลาสติกในอาหารทะเล ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ด้วยเหตุนี้การบริหารจัดการขยะและการนำขยะไปใช้ประโยชน์ จึงมีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้น หากจะแก้ไขปัญหาขยะให้เกิดความยั่งยืนมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคประชาชนซึ่งมีบทบาทอย่างมาก ตั้งแต่การลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นให้เป็นศูนย์ โดยการนำขยะกลับมาผลิตเป็นสินค้าที่สามารถนำมาจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และเป็นประโยชน์ต่อการลดปริมาณขยะของเทศบาล จึงเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ สำหรับศูนย์เรียนรู้แห่งนี้จะใช้เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ด้านการบริหารจัดการขยะและเป็นสถานที่จัดแสดงสินค้าที่ผลิตจากขยะเพื่อเป็นต้นแบบให้กับชุมชน โรงเรียน หน่วยงานต่างๆ และผู้ที่สนใจในการบริหารจัดการขยะด้วยตนเอง โดยจะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.00 น. รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า ขยะ ถือเป็นปัญหาของทั่วโลก ดังนั้น การบริหารจัดการขยะต้องเริ่มจากที่ตัวเราเองก่อน ถ้าเราสามารถลดการใช้ทรัพยากรหรือการที่เราใช้ทรัพยากรอย่างพอเพียงและรู้จักนำมาใช้ประโยชน์ซ้ำ จำนวนขยะที่เหลือทิ้งออกไปสู่สิ่งแวดล้อมก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย จึงหวังว่าศูนย์เรียนรู้นี้ นอกจากจะให้ความรู้เรื่องของการบริหารจัดการขยะ ยังสามารถที่จะนำขยะมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เรียกว่า Reuse Recycle ได้ เพื่อลดขยะได้อย่างยั่งยืน “ในฐานะที่มหาวิทยาลัยเข้ามาสนับสนุนด้านวิชาการและร่วมมือกับชุมชนในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ โดยคาดหวังว่าศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จะเป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลให้กับชุมชนอื่นๆ เข้ามาเรียนรู้ และนำความรู้ที่ได้กลับไปต่อยอดพัฒนาให้กับชุมชนของตนเองต่อไป จุดประสงค์สำคัญคือนอกจากจะต้องช่วยลดปริมาณขยะลงแล้ว ยังทำให้เทศบาล หรือ อบต. ลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการขยะลง เพื่อนำเงินเหล่านั้นไปพัฒนาพื้นที่ด้านอื่นได้มากขึ้น เช่น ด้านการศึกษา สาธารณสุข หรือสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับชุมชน และหวังอย่างยิ่งว่าความร่วมมือนี้จะนำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป” ผศ. ดร.จิรวรรณ เตียรถ์สุวรรณ อาจารย์ประจำคณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ มจธ. และหัวหน้าโครงการ กล่าวว่า เป้าหมายหลัก คือ การบริหารจัดการและลดปริมาณขยะในสี่จังหวัดชายฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ชลบุรี และเพชรบุรี โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนบูรณาการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่ปี 2561 โดยเริ่มต้นจากการสำรวจศักยภาพของขยะเพื่อผลิตพลังงานและเชื้อเพลิงแข็ง (RDF) รวมถึงสำรวจความคิดเห็นของชุมชนในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ โดยมีการบูรณาการความร่วมมือกับ 3 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ และมหาวิทยาลัยบูรพา อย่างไรก็ตาม โครงการได้พัฒนาไปสู่การเน้นการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเป็น "Zero Waste" โดยการสร้างศูนย์การเรียนรู้ เพื่ออบรมชาวบ้านและบุคลากรเทศบาลในการนำขยะกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้ รวมถึงการพัฒนาความรู้และความเข้าใจของการบริหารจัดการขยะแก่ชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองในการบริหารจัดการขยะได้อย่างยั่งยืน โดยมีเทศบาลเมืองเพชรบุรีจะเข้ามามีบทบาทหลักในการดูแลและต่อยอดศูนย์นี้ในระยะยาว เพื่อลดปริมาณขยะของเทศบาลได้อย่างต่อเนื่อง “ชื่อศูนย์ RETURNNA มีความหมายถึง Return + นะจ๊ะ หมายถึง ชักชวนให้กลับมา เป็นการชักชวนให้ประชาชนมาร่วมกันจัดการขยะหมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์สูงสุดเพื่อความยั่งยืนในอนาคตสืบไป” ด้านนางสาวสุภาพ สะคราญ ประธานชุมชนพระนครคีรี กล่าวว่า ชุมชนพระนครคีรีมีประชากรประมาณ 1,000 กว่าครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นแม่บ้านและผู้เกษียณอายุราชการ เดิมชุมชนมีปัญหาสิ่งแวดล้อมจากขยะและลิง แม้มีการจัดการขยะอยู่แล้ว เช่น การแยกขยะ แต่โครงการนี้เข้ามาเสริมในการ "สร้างการมีส่วนร่วมและรายได้จากขยะ" อาจารย์ได้สอนวิธีการนำขยะกลับมาใช้ใหม่และสร้างรายได้ โดยเน้นการเพิ่มมูลค่า จากเดิมที่ "แค่ทิ้ง" สำหรับผลิตภัณฑ์จากขยะที่ทางชุมชนผลิตขึ้น อาทิ พวงหรีดทำจากแผงไข่ ดอกไม้จากหลอดพลาสติก ไม้กวาดจากขวดพลาสติก ดอกซากุระจากถุงพลาสติกโดยใช้กิ่งไม้และกาบหมากปาล์มมาประกอบ และเข็มกลัด "หยกคีรี" ที่ถูกตั้งชื่อให้มีความหมายและมีมูลค่า เตรียมวางแผนขายในงานเทศกาลต่างๆ อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากขยะรีไซเคิล เช่น ขวดนมเปรี้ยวที่ทำเป็นต้นไม้ประดับสำหรับเทศกาล หรือตั้งตามวัด โดยรายได้จะนำมาเป็นกองทุนของชุมชน เช่น นำไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงผ่านโครงการ "กระตุกสุข" ซึ่งมีการประสานงานกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. สอดคล้องกับงานสุขภาพของชุมชน “โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะ แต่ยังสร้างกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ เช่น “ลำวงอีหลอด”จากหลอดพลาสติก ยังเกิดการรวมตัวกัน มีความต้องการพัฒนาชุมชน และมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน เชื่อว่าหลังจากการเปิดศูนย์การเรียนรู้จะสามารถสร้างรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้มาดูงานได้ โดยท่านนายกเทศมนตรีฯ ยังเสนอให้ผู้ที่มานั่งรถรางชมวัดได้แวะเวียนเข้ามาเรียนรู้ที่ศูนย์ของชุมชนด้วย”. +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
|
![]() | Today | 652 |
![]() | All days | 652 |
Comments