หุ้นที่มีโอกาสฟื้นตัวตามภาพรวมธุรกิจ นั่นคือ "ท่องเที่ยว" มองจากมุมข่าวคือ "สมาคมโรงแรมไทย" นายกสมาคมคือ ประกิจ ชินอมรพงษ์" ที่ระบุว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมไทยในช่วงนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา โดยยอดจองห้องพักโรงแรมอยู่ที่ประมาณ 70% เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้าที่อยู่ราว 40% เท่านั้น แม้จะยังไม่ใกล้เคียงกับช่วงที่ก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งมียอดจองห้องพักอยู่ที่ประมาณ 90-95% ก็ตาม แต่ก็ถือว่าดีขึ้น ซึ่งพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวมีอัตราการจองเข้าพักโรงแรมดีขึ้นได้แก่ ในแถบพื้นที่กรุงเทพฯ โรงแรมในภาคใต้ โดยเฉพาะ ภูเก็ตและสมุย ซึ่งกำลังเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว รวมทั้งโรงแรมในแถบภาคเหนืออีกด้วย
นอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์ว่า โรงแรมในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ จะได้รับประโยชน์จากโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตลิงก์) อย่างแน่นอน เนื่องจากการเดินทางในลักษณะดังกล่าวราคาไม่สูงนัก ประกอบกับเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางเข้าเมืองได้มากขึ้น จึงเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มจำนวนเข้ามาพักโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯได้ รวมทั้งเชื่อว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล หากประสบผลสำเร็จ สถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศไทยได้
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม มุมมองการลงทุน Positive หุ้นที่เป็น Top Picks ในกลุ่มนี้คือ MINT แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 15.60 บาท THAI แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 23.80 บาท จากเหตุผลคือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับท่องเที่ยวจะฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 4 จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวและอัตราการเข้าพักในเดือนส.ค.52 ส่งสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน โดยเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและฤดูกาลที่เป็น Low season จบลง เข้าสู่ฤดูกาล High season ในไตรมาส 4 ถึงไตรมาส 1 และเห็นการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ชัดเจนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 53
หุ้นที่เป็น Top Picks ในกลุ่มนี้คือ MINT ซึ่งบริษัทมีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดี และไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจมาก (defensive) เนื่องจากมีธุรกิจอาหารเป็นสัดส่วนที่สูง และธุรกิจนี้มีการขยายตัวดีต่อเนื่องตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ (ประมาณ 100 สาขาต่อปี) คาดว่ากำไรสุทธิปี 53 จะขยายตัวก้าวกระโดด 34% หลังหดตัว 12% ในปี 52 โดยหลักมาจากอัตราการเข้าพักและราคาเฉลี่ยของธุรกิจโรงแรมสูงขึ้น และรายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้น
ขณะที่ THAI ประสบความสำเร็จในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มเส้นทางการบินเพื่อขยายฐานรายได้ Cabin factor ของไตรมาส 3 คาดว่าจะสูงกว่า 70% (ก.ค.52 เท่ากับ 71% และส.ค.52 เป็น 75%) จากเฉลี่ย 66% ในไตรมาส 2 และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น ประมาณการว่าปี 52 จะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 5.1 พันล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 21.4 พันล้านบาทในปี 51 และกำไรสุทธิเติบโตอีก 43% ในปี 53 เป็น 7.1 พันล้านบาท บริษัทกำลังปรับปรุงฐานะการเงินให้มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยได้มีการรีไฟแนนซ์หนี้บางส่วนไปแล้ว ส่วนการเพิ่มทุนคาดว่าจะยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ ถ้าจะมีน่าคาดว่าจะเป็นปีหน้า
สถาบันวิจัยนครหลวงไทย มอง MINT แนะนำ “ซื้อ ราคาที่เหมาะสม 16.30 บาท มีมุมมองในไตรมาส คาดว่าไตรมาส 4 เป็นช่วง high season โดยในปีนี้มีแนวโน้มที่ดีกว่าปีก่อนเนื่องจากไม่มีเหตุการณ์ปิดสนามบิน ดังนั้นรายได้ในปีนี้ของบริษัทน่าจะเติบโต 8% ตามเป้าหมาย สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารอยู่ที่ประมาณ 50% จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ระดับ30-40% และที่เหลือเป็นธุรกิจช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ซึ่งมีเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นในภาวะปกติสัดส่วนจากธุรกิจอาหารอยู่ที่ประมาณ 60% ส่วนธุรกิจช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ด้านธุรกิจรับบริหารงานโรงแรม ก็มีติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการขยายธุรกิจอาหาร โดยในช่วงสัปดาห์หน้าบริษัทก็จะเข้าบริหารงานโรงแรมที่อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่มอีก 1 แห่ง จากปัจจุบันที่บริษัทมีสัญญาบริหารที่จะทยอยเปิด 11 โรงแรม
ปี 2553 จะเติบโตต่อโดดเด่นจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและความแข็งแกร่งของธุรกิจอาหาร ประเมินว่าในปี 2553 MINT จะกลับมาเติบโตโดดเด่น ทั้งความแข็งแกร่งของการขยายสาขาธุรกิจอาหาร การกลับมาฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม และการรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นไตรมาส 4/53 คาดรายได้ที่เท่ากับ 19,119 ล้านบาทเติบโต 16.9% yoy ขณะที่กำไรสุทธิจะเติบโต 42.6% yoy เป็นเท่ากับ 2,084 ล้านบาท
คำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐาน ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ MINT ด้วยวิธี Discounted Cash Flow โดยมี WACC เท่ากับ 8.5% และ Terminal Growth Rate ที่ 5.5% ราคาที่เหมาะสม 16.30 บาทต่อหุ้น ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ
มุมมองของ "ธณพงศ์ มีทอง" ยังเชื่อว่าธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของไทย ยังอยู่ในความทรงจำดีๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ปัจจุบันหลายประเทศจะมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ แต่ประเทศในแถบเอเซียเริ่มมีการฟื้นตัวที่ชัดเจน รวมทั้งประเทศในฝั่งยุโรป ซึ่งในจังหวะดังกล่าวหลายๆ ประเทศเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว การเลือกแหล่งท่องเที่ยวในประเทศแถบร้อน หรืออบอุ่น ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในทางเลือกของนักท่องเที่ยว ที่นอกจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามแล้ว ยังมีเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากกว่าในหลายๆ ประเทศที่นักท่องเที่ยวยังมีความเชื่อมั่น บวกกับแรงกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ที่ต้องการเห็นภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว เพื่อผลักดันให้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจประสบความสำเร็จ จึงเป็นไปได้ว่า โอกาสของการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวข้าง เป็นอีกหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ เมื่อยามตลาดหุ้นไทยที่ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่กลุ่มท่องเที่ยวยังไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ
|
Comments