| ล้ำเส้น..โดย..นายคิดดี |
|
|
|
| Wednesday, 21 October 2009 12:51 | |||
|
ล้ำเส้น..โดย..นายคิดดี
ไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความ ผู้คนในตลาดหุ้นก็คงรับรู้ รับทราบ กันถ้วนทั่ว ถึงปัจจัยพิเศษ ที่ทำให้ตลาดหุ้นบ้านเราเมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดอาการเขย่าขวัญสั่นประสาท สวนทางชาวบ้านชาวเมือง ที่เขากำลังยินดีปรีดากับข้อมูลเศรษฐกิจโลก ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ในที่นี้ ไม่ขอหมายหัวลงไป ว่าคนริเริ่มปัจจัยพิเศษ ต้องการหวังผลในด้านใดเป็นพิเศษ แต่เมื่อมีการเริ่มต้นแล้ว ก็มีคนสันดานเสียในตลาด พร้อมจะเอามาต่อยอดเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แบบไร้ซึ่งสำเนียก และจิตตระหนักรู้ ว่าอะไรควร ไม่ควร เมื่อความเลวดึงดูกันได้ที จนมีพลังขาดใหญ่ และส่งให้กระต่ายตื่นตูมรับข้อมูลข่าวสารไปใช้งาน การหดหายของดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่วัดได้จากระดับสูงสุดและต่ำสุดในสัปดาห์ก่อน ที่เกือบ 90 จุด จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาง่ายๆชั่วพริบตา แน่นอนเกมนี้ ต้องมีคนได้ประโยชน์ และเป็นประโยชน์ที่เหนือความคาดหมาย เกินการควบคุมด้วย ภาพของตลาดหุ้นที่ตันตื้อแถวๆ 750 ทำให้คนบางกลุ่มอึดอัด เป็นระดับก้ำกึ่งว่า จะลงก็ยังไม่น่าใช่ เพราะเศรษฐกิจโลก ตลาดหุ้นต่างประเทศ และกระแสเงินทุนไหลเข้า ยังคอยพยุงอยู่ แต่ถ้าจะให้ขึ้นต่อแบบเป็นเนื้อเป็นหนัง มันยังไม่มีอะไรแรงๆ มากระชายให้ทะยานขึ้นเหมือนกัน รูปการณ์ตลาดเป็นแบบนี้ นักลงทุนระยะยาว ที่มองตลาดหุ้นเป็นแหล่งลงทุนจริงๆ ก็คงไม่ได้รู้สึกอะไร แถมยังอุ่นใจอีกต่างหาก ว่าหนทางข้างหน้ายังมีกลีบกุหลาบรออยู่ หากมีความอดทนมากพอ เพื่อให้ปัจจัยอะไรต่างๆ มันดีขึ้นตามเหตุและผล แต่ก็อย่างที่รู้เช่นกัน ว่า ตลาดหุ้นบ้านนี้เมืองนี้ เขามีไว้แทนบ่อน แต่จะให้แทงยังไง ถ้าตลาดมันนิ่ง ตัน ตึ๊บ แบบนี้ ดังนั้น เมื่อลูกไหลมาเข้าทาง ก็ต้องซัดกันเต็มๆ เพื่อจะได้ทุบราคาไปหาต้นทุนใหม่ที่ต่ำกว่า และมีช่องให้วิ่งได้แรงขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เป็นการไล่พวกที่มีต้นทุนต่ำ และเอาแต่กอดหุ้นเอาไว้ ให้คายของออกมา แล้วมียืนรออยู่นอกสนามกันอีกครั้ง เมื่อราคาหุ้นต่ำลง เมื่อทุกคนมาอยู่ข้างสนามกันหมดแบบนี้ การปรับขึ้นของหุ้นรอบใหม่ จะมีแรงส่งมากขึ้น เพราะทุกคนมีการปรับฐานต้นทุน มาอยู่ที่ 600 ปลายๆ หรือ 700 กว่าๆ กันแล้ว ถ้าจะให้เห็นผลตอบแทน 15-20% ก็ต้องว่ากันไปถึง 800 หรือมากกว่านั้น ไม่ใช่ต้นทุนอยู่ 400-500 แล้วคิดว่ายังไงก็กำไร เลยปล่อยแช่ไว้จนตลาดขยับไม่ออก ซึ่งถ้าเรื่องมันจบแค่นั้น ก็ยังพอทำเนา ถือซะว่าเป็นเวรกรรมของคนเล่นหุ้นประเทศนี้ แต่ที่หนักกว่า คือ ต่างชาติก็เอาปัจจัยพิเศษ มาร่วมคิดคำนวณเช่นกัน ไม่ได้คิดคำนวณว่า โอกาสของปัจจัยพิเศษจะเกิดขึ้นได้แค่ไหน แต่คิดกันว่า ถ้าตลาดหุ้นบ้านยูเล่นกันแบบนี้ ไอไปดีกว่า และไปแบบไม่ต้องรีบร้อนกลับด้วย เพราะทางเลือกการลงทุนยังมีอยู่อีกทั่วโลก หรือถ้าแคบกว่านั้นก็ทั่วเอเชีย แล้วทำไมต้องมางอนง้อขอซื้อหุ้นไทยอยู่ ให้เสียวหัวใจแบบนี้ นี่ล่าสุดบทวิเคราะห์ของ มอร์แกน สแตนเลย์ ก็ออกมาระบุอีก ว่า ตลาดหุ้นไทย เป็นหนึ่งในหลายๆตลาดหุ้น ที่ทางมอร์แกน สแตนเลย์ จัดอยู่ในกลุ่มที่แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน ส่วน ไอเอ็นจี เมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ออกรายงานที่ระบุให้ ระมัดระวังเกี่ยวกับตลาดการเงินของไทย โดยมองว่าความเสี่ยงทางการเมืองกำลังเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการแนะนำให้นักลงทุนเลี่ยงสินทรัพย์ทางการเงินของไทยทั้งหมด เจอเข้าไปแบบนี้ “งามหน้า” ยังน้อยไป ต้องเรียกว่า “งามไส้” ถึงจะสาแก่อารมณ์ ขณะที่ ในฝั่งของทางการ ไล่ตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี, รมว.คลัง, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แม้ดูเหมือนจะออกมามีปฏิกริยาต่อเรื่องดังกล่าว ช้าไปสักนิด แต่ถือเป็นเรื่องที่ยังพอให้อภัยได้ เพราะเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน หากผลีผลามพล่ามออกมา จะกลายเป็นกระบอกเสียให้กับกับผู้หวังดีต่อตัวเอง แต่ประสงค์ร้ายต่อบ้านเมืองซะก็เป็นได้ ดังนั้น การออกมากล่าวเตือน และกระตุ้นต่อมการใช้วิจารณาของนักลงทุนให้มากขึ้น แม้จะเป็นช่วงหลังจากที่ฝุ่นควันผ่านจุดตลบมากที่สุดไปแล้ว แต่ก็ยังไม่จัดเป็นระดับที่ช้าเกินไป แต่สิ่งที่ทางการต้องเร่งรีบ และจัดการอย่างเด็ดขาดให้ได้ คือ การลากตัวต้นตอพร้อมทีมงานกระจายข่าว ออกมาลงโทษ จะคนไทย จะต่างชาติ อะไรยังไง ก็ต้องดำเนินการให้ได้ เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้เห็นว่า จะชั่วดีถี่ห่างยังไง เส้นแบ่งบางเส้น ก็ไม่ได้มีไว้ให้ท้าทาย หรือหาประโยชน์ในทางมิชอบแบบนี้ นายคิดดี This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
|






![]() | Today | 745 |
![]() | All days | 745 |
Comments