ได้อย่าง เสียหลายอย่าง..โดย..นายคิดดี

ถ้าเป็นในแวดวงการเมือง เหตุการณ์ก๊าซรั่วซ้ำซากที่เกิดขึ้นในมาบตาพุด คงถูกโยงหาว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ และจัดฉาก เพื่อสุมไฟปัญหาให้โชนขึ้นกว่าเดิม เพราะยิ่งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หรืออันตรายการโรงงานต่างๆ มีมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหามาบตาพุด ที่รัฐบาลยังคงมะงุมมะงาหราอยู่ ยุ่งยากขึ้นเท่านั้น

แต่บังเอิญเรื่องนี้ไม่ได้ถูกนำไปเป็นประเด็นใหญ่โต ทำให้ความเซ็งของผู้ที่เกี่ยวข้องยังอยู่ในกรอบจำกัด

อย่างไรก็ตาม ถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในลักษณะนี้ เป็นตัวบั่นทอนความชอบธรรม ในมุมมองผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ ที่ภาครัฐและเอกชน พยายามกล่าวอ้าง หรือหยิบยกตัวเลขความเสียหาย จากการลงทุนที่ชะลอไปก่อนหน้านี้ ตามคำสั่งของศาลปกครอง มาเป็นตัวต่อรอง และชี้ให้เห็นความจำเป็นอย่างสูงยิ่ง ที่จะต้องดำเนินการใดๆ เพื่อให้การลงทุนเดินหน้าต่อไปได้

เพราะถ้าดูข้อมูล หรือพัฒนาของปัญหาในช่วงที่ผ่านมา ก็คงโทษใครไม่ได้ นอกจากตัว “รัฐ” ที่ไม่แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างจริงจัง และใส่ใจในเรื่องของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

จะมาอ้างว่ากฎหมายลูกไม่เสร็จ ก็ต้องถามว่าที่ไม่เสร็จนั้น เพราะใครกันที่ล่าช้า กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 50 มาถึงตอนนี้ กว่า 2 ปีแล้ว กฎหมายลูกยังไม่ออกมารองรับ แล้วจะให้โทษใครดี ระหว่างผู้ประกอบการ ที่ไม่ศึกษาข้อกฎหมายให้ดี แล้วโง่มาลงทุนเอง

หรือโทษประชาชนคนในพื้นที่ ที่เขาคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และสวัดภาพในชีวิต

หรือโทษรัฐบาล ทุกชุดที่ผ่านมาหลังกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 50 บังคับใช้ ที่ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ มัวแต่เล็งจะแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับปากท้อง และความเป็นความตายของนักการเมืองด้วยกันเองเท่านั้น

ก่อนที่จะเลยเถิดไปกับกรณีมาบตาพุด อยากพามาดูข่าวอีกชิ้นนึง ที่สร้างความคึกคักให้กับคนไทย โดยเฉพาะระดับรากหญ้า แบบสุดลิ่ม ก็เรื่องที่  คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล มีมติเดินหน้าโครงการออกสลาก 2 ตัว 3 ตัว ด้วยเครื่องอัตโนมัติ หรือที่เรียกกันว่า หวยออนไลน์ โดยจะเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรี  (ครม.) รับทราบ ภายใน 90 วัน นับจากวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา

มติดังกล่าวของบอร์ดกองสลาก สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับทั้ง ประชาชนคนหวังรวยทางลัด, เอเยนต์ขายหวยออนไลน์ และ บมจ. ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ล็อกซเล่ย์ ที่แต่งตัวเป็นแม่สายบัวคอยเก้อมานาน มาถึงตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะกินเนื้อกินหนังบ้างแล้ว 

ขณะที่ ผู้ที่ควรจะมีความยินดีอีกฝ่ายหนึ่ง ก็หนีไม่พ้นภาครัฐ เพราะเรื่องนี้ เป็นประเด็นที่คาราคาซัง และถูกด่าฟรีมาหลายรอบแล้ว พอทำคลอดหวยออนไลน์ออกมาได้ เสียงบ่นกร่นด่า คงจะเบาหูลงบ้าง

และที่สำคัญ การเดินเครื่องหวยออนไลน์ จะยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันจีดีพีในปีหน้า ให้เติบโตขึ้นด้วย เพราะในทางทฤษฎี จีดีพี จะวัดจากมูลค่าสินค้าและบริการ ที่ผ่านระบบตลาด ทำให้หวยใต้ดินซึ่งพูดกันว่ามีมูลค่ามหาศาลในแต่ละงวด แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ ทางเศรษฐกิจเลย

ดังนั้น เมื่อใต้ดิน ถูกงัดขึ้นมาอยู่บนดินอีกครั้ง มูลค่าการเล่นหวย ก็เป็นอันได้รับความชอบทำ ที่จะรวมเข้าไปอยู่ในมูลค่าของเศรษฐกิจด้วย ซึ่งถ้าวัดจากที่ ผอ. กองสลาก ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆในช่วงที่ผ่านมา คาดว่า ยอดขายหวยออนไลน์ในแต่ละงวดจะอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท

ปีนึงมี 24 งวด คูณเข้าไปเบาะๆ ก็ 7.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นแค่ขั้นต่ำ เพราะถ้ายิ่งคนเล่น ได้แทงจริง ถูกจริง มีกระแสเศรษฐีใหม่จากหวยออนไลน์ ขึ้นมาให้เห็นตัวเป็นๆ เชื่อว่า ยอดขายต่องวดต้องพุ่งพรวดแน่ และมูลค่าต่อปีคงไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท

ที่เริ่มขึ้นมาด้วยกรณีมาบตาพุด และต่อด้วยประเด็นของหวยออนไลน์ ไม่ได้จะพยายามโยงให้ทั้งสองเรื่อง มาเกี่ยวกันโดยตรง

แต่อยากให้เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของบ้านนี้เมืองนี้ ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม และสังคม น้อยมาก

แน่นอน การลงทุนในมาบต าพุด ที่ถูกสั่งระงับชั่วคราว ย่อมมีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะการลงทุนถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของจีดีพี และยิ่งโครงการลงทุนที่ว่า ยังมีความไม่ชัดเจนต่อไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้เงินลงทุนที่กำลังจะควักออกจากกระเป๋านักลงทุน เข้ามาถมในเศรษฐกิจไทย ต้องชะลอ หรือเปลี่ยนเป้าหมายไปอีก

แต่ถ้าจะให้มองในแง่เศรษฐกิจอย่างเดียว โดยไม่สนใจว่า ชุมชน และสิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไร ก็ดูจะเป็นการกระทำที่ผิดยุคผิดสมัยกับปัจจุบัน ที่บทบาทของท้องถิ่นมีมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ การรวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง แล้วสั่งการลงมา แบบไม่ต้องคิด ไม่ต้องถาม เดินตามเชื่องๆ นั้น มันเริ่มจะหมดสมัยไปทุกที

ดังนั้น จึงเป็นการบ้านของรัฐบาลชุดนี้ และชุดต่อๆไป ที่จะต้องมองอะไรให้กว้างขึ้น และอย่ามาใช้คำว่า ผลประโยชน์ส่วนรวม มาเป็นข้ออ้างที่จะทำอะไรกับใคร หรือมาบีบบังคับให้คนส่วนน้อยต้องยอมตาม เพราะถ้าคนส่วนน้อยรวมตัวกันอย่างจริงจัง และมีพลังมากพอ อำนาจรัฐที่คิดว่าใหญ่ ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เหมือนกัน

ส่วนกรณีของหวยออนไลน์ ก็ชัดเจนว่า ถ้ามองในแง่เศรษฐกิจอย่างเดียว ประโยชน์จะตกกับหลายๆฝ่าย แต่ในมิติของสังคม ผลกระท บจะมากแค่ไหน มีใครประเมินอย่างจริงจังไว้บ้าง นอกจากคิดแค่ว่า สังคมจะได้ประโยชน์ จากเงินบางส่วนที่ได้จากการขายหวยออนไลน์ แล้วนำไปพัฒนาในด้านต่างๆ

ซึ่งนั่นเป็นแค่การพัฒนาภายนอก แต่การพัฒนาภายในสังคม หรือแต่ละบุคคล จะไปไหนทิศทางไหน เมื่อลูกเด็กเล็กแดง เดินออกจากบ้านก็เห็นการขายหวยได้ทั่วไป มีเงินแค่ 40 บาท ก็ลุ้นได้ วัฒนธรรมการพนันเข้าเส้นเลือด ที่ติดอยู่ในตัวคนไทยอยู่นานนมแล้ว ก็จะยังถูกทับถมไปกันอีก และอาจนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม และปัญหาสังคมในด้านต่างๆอีกมากมาย

ถามว่าผลกระทบแบบนี้ เงินจากการขายหวย มาช่วยเยียวยาได้หรือไม่

ถามไป ก็ไม่ได้หวังจะได้คำตอบ แต่แค่อยากบอกให้รู้ว่า ทั้งรัฐทั้งเอกชน จะคิดจะทำอะไร ขอให้มองประโยชน์แบบรอบด้านมากกว่านี้ ประเทศชาติไม่ได้เดินได้ด้วยเศรษฐกิจ หรือจีดีพี เพียงอย่างเดียว ถ้าเศรษฐกิจขับเคลื่อนไป โดยทิ้งปัญหาในด้านอื่นๆไว้เบื้องหลัง เมื่อถึงจุดหนึ่ง ปัญหาเหล่านั้น ก็จะดึงเศรษฐกิจให้กลับมารับรู้ถึงปัญหาที่สร้างไว้ แบบที่ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้

                                                                           นายคิดดี

                                                                 This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it  

Written by :

พิราบขาว

 

Comments

B

i

u

Quote

Code

List

List item

URL

Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions

Submit Comment