ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง327.23จุด
|
|
|
|
Friday, 19 October 2018 12:14 |
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) ที่ 25,379.45 จุด ร่วงลง 327.23 จุด หรือ -1.27% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,768.78 จุด ลดลง 40.43 จุด หรือ -1.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,485.14 จุด ลดลง 157.56 จุด หรือ -2.06% โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งรวมถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และปัญหาการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี โดยความวิตกกังวลในเรื่องเหล่านี้ได้ฉุดหุ้นกลุ่มต่างๆร่วงลงเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าผู้บริโภค ความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบียยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความวิตกกังวลต่อตลาด สืบเนื่องมาจากกรณีการหายตัวไปของนายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวซาอุดีอาระเบีย โดยล่าสุดนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้ตัดสินใจยกเลิกการเข้าร่วมงานประชุม Future Investment Initiative (FII) ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย แม้ว่าก่อนหน้านี้เขายืนยันว่าจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐได้เสนอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันรัฐบาลซาอุดีอาระเบียด้วยการให้เวลาอีก 2-3 วันในการเสร็จสิ้นการสอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายคาช็อกกี นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอีกครั้ง หลังจากนายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับจีนยังคงไม่มีความคืบหน้า พร้อมกับระบุว่า จีนทำการค้าอย่างไม่ยุติธรรม และขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย โดยการเปิดเผยของนายคุดโลว์มีขึ้นก่อนการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 25-26 ก.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจสหรัฐ และควบคุมอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงจากภาวะไร้สมดุลทางการเงิน ส่วนการประชุมในวันดังกล่าวนั้น คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นักวิเคราะห์กล่าวว่า สถานการณ์ด้านงบประมาณของอิตาลียังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกมาเตือนรัฐบาลอิตาลีในเรื่องการขาดดุลงบประมาณ ขณะที่ Der Spiegel ซึ่งเป็นสื่อของเยอรมนี รายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้ปฏิเสธแผนการใช้จ่ายของรัฐบาลอิตาลี โดยรัฐบาลอิตาลีต้องการเพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีหน้า ขณะที่ EU เรียกร้องให้อิตาลีดำเนินการไปสู่การมีงบประมาณสมดุล เนื่องจากอิตาลีมีหนี้ในภาครัฐจำนวนมาก สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 212,000 ราย ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. ซึ่งดีดตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึง คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต, ราคาหุ้น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน นักลงทุนจับตาสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ย. ในวันนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย
|
Comments