ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น227.61จุด |
Thursday, 12 September 2019 07:34 | |||
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) ที่ 27,137.04 จุด เพิ่มขึ้น 227.61 จุด หรือ +0.85% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,000.93 จุด เพิ่มขึ้น 21.54 จุด หรือ +0.72% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,169.68 จุด เพิ่มขึ้น 85.52 จุด หรือ +1.06% เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลจีนเปิดเผยรายชื่อสินค้าของสหรัฐที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ก่อนที่การเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศจะเปิดฉากขึ้นในเดือนหน้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาหุ้นแอปเปิล หลังจากบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ iPhone รุ่นใหม่ ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่เหนือระดับ 3,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวรัฐบาลจีนประกาศรายชื่อสินค้าชุดแรกจำนวน 16 ชนิดของสหรัฐที่จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า ซึ่งสินค้าเหล่านี้รวมถึงเวย์โปรตีน, ปลาป่น และน้ำมันหล่อลื่น โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 ก.ย. เป็นเวลา 1 ปีจนถึงวันที่ 16 ก.ย. 2563 นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อินเวอร์เนส คอนเซลในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของจีนถือเป็นการส่งสัญญาณว่า จีนมีความมุ่งมั่นที่จะคลี่คลายข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐ ก่อนที่การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายจะเปิดฉากขึ้นในเดือนต.ค. ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่า ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงการค้า สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า โดยมีการคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และประกาศรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551
|
Today | 13844 | |
Yesterday | 52922 | |
All days | 166366715 |
Comments