PTTCH : Earnings continue to strong in Q2/53
|
|
|
|
Tuesday, 08 June 2010 17:01 |
Investment Society by สถาบันวิจัยนครหลวงไทย
แนวโน้มผลการดำเนินงานใน Q2/53 คาดมีแรงหนุนจากอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับที่สูงขึ้นหลังการซ่อมบำรุงจำนวนมากใน Q1/53 และมีการเลื่อนแผนซ่อมบำรุงใน Q2/53 ไปเป็น Q3/53 ขณะที่ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์แม้จะมีแนวโน้มอ่อนตัวลง qoq แต่คาดยังคงทรงตัวในระดับสูงจากแรงผลักดันของราคาแนฟทา โดย PTTCH ยังคงมีความได้เปรียบจากการใช้ก๊าซ Ethane เป็นวัตถุดิบหลัก SCRI ประเมินแนวโน้มกำไรปี 2553 ยังคงมีการเติบโตสูงแม้บนสมมติฐานการรับรู้รายได้จาก PTTPE ในช่วงต้นปีหน้าและ Momentum ในการเติบโตคาดจะต่อเนื่องในปี 2554 จากการรับรู้รายได้โครงการใหม่ ทั้งนี้ มีการปรับประมาณการกำไรปี 2553 ขึ้น 14% และจากการปรับราคาน้ำมัน LT เป็น 80 เหรียญ/บาร์เรลในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนสู่การปรับมูลค่าเหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 123 บาท แนะนำ “ซื้อ”
คาดกำไรปกติใน Q2/53 ยังคงดีขึ้น yoy และ qoq โดยคาดมีแรงหนุนจากระดับราคา HDPE ที่อยู่ในระดับสูงร่วมกับการกลับมาผลิตได้เต็มกำลังมากขึ้นของโรงโอเลฟินส์ซึ่งมีหยุดซ่อมบำรุงไปมากในช่วง Q1/53 และแผนซ่อมบำรุงในช่วง Q2/53 ของโรงโอเลฟินส์ I4-1 ถูกเลื่อนออกไปเป็น Q3/53 ทั้งนี้ แม้ปัจจุบันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ HDPE-Naphtha มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงใน Q2/53 - Q3/53 แต่ SCRI คาดว่า PTTCH ยังคงอยู่ในฐานะได้เปรียบและยังคงได้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ในระดับที่ดีกว่าผู้ผลิตอื่นมากจากสูตรราคา Net Back ซึ่งอิงอยู่กับราคา HDPE ทั้งนี้ วัตถุดิบก๊าซ Ethane ของ PTTCH มีต้นทุนอยู่ที่เพียงประมาณ 450 เหรียญ/ตัน เทียบกับแนฟทาที่ประมาณ 700-750 เหรียญ/ตัน PTTPE ยังอยู่ในช่วง Test run แต่ส่งผลบวกทางอ้อมจากโครงการปลายน้ำ
ใน Q2/53 โรงงานของ PTTPE ยังคงอยู่ในช่วง Test Run และจะเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตขึ้นโดยใช้ก๊าซเพิ่มจากการ Revamp โรงงาน Ethane Cracker 2 และ 3 (แม้คาดว่าจะยังไม่สามารถเดินเครื่องได้เต็มกำลังเนื่องจากต้องรอจนกว่าลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้าของ PTT จะปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้รองรับค่าความร้อนที่สูงขึ้นจากการเดินเครื่องเต็มกำลังของ Ethane Cracker 2 และ 3 ได้ซึ่งจะเสร็จสิ้นในปลายเดือนก.ค. 2553) ร่วมกับการจัดสรรก๊าซจากโรงโอเลฟินส์เดิม(I1)ทั้งนี้ แม้ PTTPE จะยังคงไม่สามารถรับรู้รายได้ได้(นำไปหักเป็น Project Cost ที่ลดลง) แต่จากการเพิ่มขึ้นของวัตถุดิบ Ethylene คาดจะส่งผลบวกต่ออัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของโรงปลายน้ำ LLDPE ใหม่ที่เริ่มใน Q1/53 (ไม่อยู่ใน 76 โครงการที่ถูกระงับ)และใช้กำลังการผลิตอยู่เพียง 50% สำหรับการ COD ของ PTTPE คาดจะเกิดขึ้นเมื่อกรณีมาบตาพุดมีทางออก ซึ่งกรณีดีที่สุดน่าจะสิ้นสุดได้ในปลายมิ.ย. 2553 บนสมมติฐานมีการประกาศรายชื่อโครงการที่ส่งผลกระทบรุนแรงในเดือนมิ.ย. 2553 และมีการดำเนินการร้องขอให้ศาลปลดล็อคโครงการที่ไม่อยู่ในรายชื่อได้เสร็จสิ้นได้ภายในสิ้นเดือน โดย Assume ว่าโรงแยกก๊าซไม่ถูกจัดอยู่ในโครงการทีส่งผลกระทบรุนแรง
อุปทานใหม่เริ่มเข้ามาแต่อุปสงค์ที่เติบโตสูงยังคงช่วยลดแรงกดดัน ภาพของอุปทานโอเลฟินส์และโพลีโอเลฟินส์ใหม่เริ่มเข้ามากขึ้นในช่วง Q1/53-Q2/53 โดยส่งผลให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ต้นน้ำและปลายน้ำคาดจะเห็นภาพที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม CMAI ยังคงภาพคาดการณ์อุปสงค์โอเลฟินส์ที่แข็งแกร่งโดยประเมินอัตราการขยายตัวของ Basic Chemical และ พลาสติก ไว้ที่เฉลี่ยระดับ 5.3% ในช่วงปี 2553-2558 โดยหาก Focus ที่ภูมิภาคเอเซียและอินเดียจะเติบโตในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยอยู่ที่ 7.0% ขณะที่ ยุโรปซึ่งมีแรงกดดันจากวิกฤตการณ์หนี้ประเมินอัตราการขยายตัวไว้ในระดับต่ำที่เพียง 1.7% ทั้งนี้ ในด้านอุปสงค์ภาพรวมการเติบโตที่ระดับดังกล่าวถือว่ายังคงอยู่ในระดับสูง โดยช่วยลดแรงกดดันด้านอุปทานที่เข้ามากในปี 2553 ขณะที่ ในปีต่อไปภาพอุปทานใหม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 123 บาท SCRI ประเมินแนวโน้มกำไรปี 2553 ยังคงมีการเติบโตสูงแม้บนสมมติฐานการรับรู้รายได้จาก PTTPE ในช่วงต้นปีหน้าและ Momentum ในการเติบโตคาดจะต่อเนื่องในปี 2554 จากการรับรู้รายได้โครงการใหม่ ทั้งนี้ มีการปรับประมาณการกำไรปี 2553 ขึ้น 14% และจากการปรับราคาน้ำมัน LT เป็น 80 เหรียญ/บาร์เรลช่วงที่ผ่านมาสะท้อนสู่การปรับมูลค่าเหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 123 บาท แนะนำ “ซื้อ”
สุดท้ายขอให้ทุกท่านโชคดีและพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
|
Comments