กลุ่มเสี่ยงวันนี้...โรงกลั่น-ปิโตรฯนำทีม
|
|
|
|
Wednesday, 21 July 2010 09:44 |
นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า คาดว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวน์ไปที่บริเวณแนวต้าน 830-833 จุด โดยได้รับอิทธิพลบวกจากตลาดหุ้นในต่างประเทศส่วนใหญ่ที่มีอัตราการบวกในกรอบจำกัด โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเปิดการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.6% และตลาดหุ้นยุโรปที่มีการเคลื่อนไหวทรงตัว ด้านราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทั้งตลาดไนแมกซ์ ตลาดเบรนท์ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ดีที่บริเวณแนวต้านดังกล่าวมีโอกาสที่ดัชนีฯจะมีความผันผวน เนื่องจากแรงซื้อส่วนใหญ่เข้ามาเก็งกำไรงบผลประกอบการไตรมาส 2/2553 ในหุ้นขนาดเล็กและขนาดกลางที่คาดว่าจะมีตัวเลขออกมาดี ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานยังถูกกดดันจากธุรกิจโรงกลั่นที่คาดการณ์ว่าจะมีผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2553 ออกมาขาดทุน เป็นปัจจัยกดดันบรรยากศการลงทุน น
โดยดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 10229.96 จุด เพิ่มขึ้น 75.53 จุด หรือ 0.74% ดัชนี นิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดเช้าที่ระดับ 9,321.65 จุด เพิ่มขึ้น 21.19 จุด หรือ 0.23 % ส่วนราคาน้ำมันดิบไลท์ล่วงหน้าสัญญาส่งมอบเดือนสิงหาคม ที่ตลาดนิวยอร์ค ปิดตลาดที่ราคา 77.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.77%
สำหรับปัจจัยที่จะต้องติดตาม คือ กรณีที่รัฐบาลมีการทยอยประกาศยกเลิกพื้นที่การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยล่าสุดวานนี้มีการประกาศยกเลิกไปอีก 3 จังหวัด และคงเหลือใช้อยู่ใน 16 จังหวัด ซึ่งจะมีการทยอยประกาศยกเลิกเพิ่มเติมก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน และปัจจัยในต่างประเทศให้ติดตามผลการทดสอบความแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ในโรปStress Test) ที่จะมีการประกาศผลการทดสอบในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ซึ่งตลาดมีการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าผลดังกล่าวจะออกมาดี โดยต้องติดตามว่าข้อมูลที่ประกาศออกมาจริงจะเป็นไปตามคาดหรือไม่
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกลงทุนรายตัวในหุ้นเกษตรและอาหาร อาทิ CPF STA ประเมินแนวรับอยู่ที่ 820-815 จุด ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 830-833 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยช่วงเช้าวันนี้อาจจะรีบาวน์ในช่วงเปิดทำการซื้อขาย ตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก 75.53 จุด เนื่องจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาน่าพอใจ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังเพิ่มขึ้น 90 เซนต์
อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่างการซื้อขาย อาจมีความผันผวนจากแรงเทขายทำกำไร หลังจากก่อนหน้านี้นักลงทุนได้นำเม็ดเงินเข้าเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมากแล้ว ประกอบกับภาพรวมของตลาดฯยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆที่เข้ามาเอื้อต่อบรรยากาศการลงทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนควรติดตามปัจจัยความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศ โดยเฉพาะการยกเลิกสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่เดิมมาออกเป็นใบอนุญาต หรือไลเซนส์ 2 จีและ 3 จีโดยจัดตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาดำเนินการประสานกับกับ กทช. เพื่อให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ซึ่งหากเรื่องดังกล่าวสามารถเดินหน้าได้จะส่งดีต่อ บรรยากาศการลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสาร
สำหรับการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ เช่น ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ระดับ 10229.96 จุด เพิ่มขึ้น 75.53 จุด หรือ 0.74% ดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 20,264.59 จุด เพิ่มขึ้น 173.64 จุด หรือ 0.86 % ดัชนี นิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เวลา 07:56 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 9,332.48 จุด เพิ่มขึ้น 32.02 จุด ดัชนี เวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน เวลา 08:27 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 7,732.91จุด เพิ่มขึ้น 20.88 จุด ดัชนี สเตรทไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เวลา 08:23 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 2,956.90 จุด เพิ่มขึ้น 8.29 จุด ดัชนี ASX All ordinaries ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เวลา 08:43 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 4,435.40 จุด เพิ่มขึ้น 16.70 จุด
กลยุทธ์การลงทุน แนะหากดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นให้ขายทำกำไร โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 820-810 จุด และประเมินแนวต้านไว้ที่ 835 จุด
|
Comments