Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Hot News บล.ทิสโก้เปิดกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลังคาดยังผันผวนจาก4ปัจจัยลบ
บล.ทิสโก้เปิดกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลังคาดยังผันผวนจาก4ปัจจัยลบ PDF Print E-mail
Saturday, 04 July 2020 09:43

บล.ทิสโก้คาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังยังผันผวนต่อ จาก 4 ปัจจัยลบ คือ การแพร่ระบาด COVID รอบใหม่, ความขัดแย้งจีน - สหรัฐฯ, ความเสี่ยง บจ.ผิดนัดชำระหนี้ และราคาน้ำมันผันผวน ชี้ดัชนีที่ 1,250-1,300 จุดน่าทยอยสะสม

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (Mr. Apichat Poobunjirdkul, Senior Strategist, TISCO Securities Co., Ltd) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 แกว่งตัวผันผวนมากถึง 630 จุด หรือกว่า 40% โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,604 จุดเมื่อวันที่ 3 มกราคม ก่อนปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ 969 จุดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม นอกจากนี้ ยังได้เห็นการประกาศใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ถึง 3 ครั้งในเดือนมีนาคมหลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงเพราะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19

สำหรับการลงทุนต่อจากนี้ บล.ทิสโก้มองว่า ในช่วงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยจะยังคงผันผวนสูงจาก 4 ประเด็นหลัก คือ 1. ความไม่แน่นอนของสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ในต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจล่าช้าออกไป หรือต่ำกว่าที่ประเมินไว้ 2. ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ - จีนที่อาจกลับมาปะทุขึ้น 3. ในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสที่บริษัทต่างๆ จะผิดนัดชำระหนี้ หรือล้มละลาย หลังจากที่มาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ สิ้นสุดลง และ 4. ความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Bond Yield)

“ยังคงมองว่าตลาดหุ้นไทยจะผันผวนสูงในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะมีปัจจัยความไม่แน่นอนรออยู่ แต่สำหรับนักลงทุนที่รอจังหวะเข้าซื้อหุ้นไทยนั้นมองว่ากรอบดัชนีที่ 1,250-1,300 จุดเป็นระดับดัชนีที่ไม่แพง และเป็นจังหวะที่น่าทยอยสะสมอีกครั้ง โดยมีธีมหุ้นเด่นที่น่าลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังคือ กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยจาก COVID-19 หรือมีความเสี่ยงต่ำหากเกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 รวมทั้งมีความปลอดภัยจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ - จีนที่อาจกลับมาปะทุขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี คือ BAM, CBG และ CPALL ผสานกับหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินชีวิตแบบ New Normal แนะนำ TRUE และแนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่คาดว่าจะกลับมาเร่งตัวขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะนำ CK และ SCC ดังนั้น 6 หุ้นเด่นครึ่งปีหลัง คือ BAM, CBG, CK, CPALL, SCC และ TRUE” นายอภิชาติกล่าว

สำหรับหุ้นเด่นในเดือนกรกฎาคม บล.ทิสโก้แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการสัญจรที่ฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ การเปิดเทอม การกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ คือ BEM และ PTG และหุ้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2563 ออกมาดี มีเงินปันผลระหว่างกาล แนะนำ CBG, DCC, SCC และ TVO เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นที่แนะนำในเดือนกรกฎาคม คือ BEM, CBG, DCC, PTG, SCC และ TVO  ด้านแนวรับหุ้นไทยในเดือนกรกฎาคม มีแนวรับแรกอยู่ที่ 1,305 จุดและแนวรับถัดไปที่ 1,300, 1,280 จุด และ 1,260 จุด ตามลำดับ ส่วนต้านแรกของหุ้นไทยอยู่ที่ 1,350 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,380 จุดตามลำดับ

นอกจากนี้ ยังพบประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในหุ้นคือ แนวโน้มการลงทุนในวิถีปกติใหม่ (New Normal) ซึ่งหลังจากนี้ผู้ลงทุนอาจจะต้องยอมรับราคาหุ้นที่แพงขึ้น ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และคาดหวังผลตอบแทนที่ลดลง เพราะคาดว่าธนาคารกลางทั่วโลกน่าจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับต่ำมาก และอัดฉีดสภาพคล่องผ่านการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (QE) เพื่อประคับประคองและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 ส่งผลให้สินทรัพย์ลงทุนหลักของโลกแพงขึ้นทั้งตลาดตราสารหนี้ และตลาดหุ้น

“การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายยาวนาน ส่งผลให้แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกลดต่ำลงจนบางประเทศถึงขั้นกลับมาติดลบอีกครั้ง นอกจากจะสะท้อนราคาพันธบัตรอยู่ในระดับสูงมากแล้ว อีกนัยหนึ่งยังสะท้อนว่า “เงินไม่มีที่ไป” ซึ่งมองว่าจะเป็นการบีบบังคับให้มีความจำเป็นต้องโยกเม็ดเงินออกจากตลาดพันธบัตรสู่ตลาดสินทรัพย์อื่นๆ ด้วยการยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าเดิม (Search for Yield) โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากแรงขับเคลื่อนด้านสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนต้องยอมรับราคาหุ้นที่แพงขึ้น ยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ไปพร้อมๆ กับการคาดหวังผลตอบแทนที่ลดลง” นายอภิชาติกล่าว

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it



Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1092
mod_vvisit_counterAll days1092

We have: 1088 guests, 1 members online
Your IP: 216.73.216.198
Mozilla 5.0, 
Today: Jul 01, 2025

8195648