เปิดศึกการเมืองส่อแววรัฐประหาร
|
|
|
|
Friday, 16 April 2010 10:44 |
บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด ระบุว่า ประวัติศาสตร์การเมืองไทยไม่ได้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์อนาคตที่ดีอีกต่อไป ปัจจัยประสบความสำเร็จของการประท้วงในอดีต คือ ปริมาณฝูงชนที่เยอะมาก การมีส่วนร่วมของชนชั้นกลาง ความอ่อนแอของเศรษฐกิจ และความนิยมในตัวรัฐบาลที่เสื่อมลง ซึ่งในการประท้วงของกลุ่มเสื้อแดงในครั้งนี้ไม่มี เราจึงไม่คาดว่าการประท้วงครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จ แต่เนื่องจากการประท้วงครั้งนี้ใช้กลยุทธ์ do-or-die คือมีการใช้อาวุธสงคราม และมีคนตาย และการสูญเสียชีวิต ซึ่งเหนือความคาดหมายของรัฐบาล จึงทำให้รัฐบาลตั้งตัวไม่ทันปัจจุบันแนวโน้มการเมืองไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เป็นการเมืองที่มีความไม่แน่นอน และเห็นภาพไม่ชัดเจนว่าจะจบลงในรูปแบบใด
การเมืองไทยมีความไม่ชัดเจน ปัจจุบันการเมืองไทยดูเหมือนจะถึงทางตันอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากประเทศไทยพยายามมาแล้วหลายหนทางในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีรัฐบาลเป็นพรรคการเมืองเดียวในปี 2005 มีรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารโดยทหารในปี 2006 มีรัฐบาลที่อยู่ฝ่ายคุณทักษิณในปี 2008 จนมาถึงการมีรัฐบาลที่ฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน แต่แนวทางทั้งหมดนี้ไม่มีแนวทางใดที่ได้ผล
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมการยุบสภา ซึ่งอาจทำให้กลุ่มสนับสนุนหรือต่อต้านทักษิณกลับมา ไม่ได้ให้ความหวังที่ดีแก่ตลาด ในมุมมองของเราประชาธิปไตยไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นความศักดิ์สิทธิ์ของการใช้กฎหมายที่อ่อนแอเกินไป ปัจจุบันเรายอมรับว่าเป็นการยากอย่างมากที่จะคาดเดาผลลัพธ์ และยังเป็นไปได้ว่าจะมีการทำรัฐ ประหารจากทหารเกิดขึ้นอีกในช่วง12 เดือนข้างหน้า ถึงแม้จะมีการเลือกตั้งใหม่
แนะนำ “ขาย” โดยมีเป้าดัชนีใหม่ที่ 670 จุด การเมืองในปัจจุบันส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ และผลประกอบการขององค์กรเอกชน เนื่องจากตลาดซื้อขายในระดับใกล้เคียงกับระดับ P/E เฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ 12 เท่าแล้ว ดังนั้นเราจึงแนะนำ “TacticalSell” โดยมีจุดเข้าซื้อที่ 670 จุด หรือราว 10 เท่า P/E จริงๆ แล้ว SET ได้ปรับตัวขึ้นแตะจุด Sell signal ไปแล้วที่เหนือ 800 จุด ซึ่งเป็นระดับ earnings-bond yield gap ที่ 4% (เราได้กล่าวถึง earnings-bond yield gapSell signals ในบทวิเคราะห์ฉบับวันที่ 23 มี.ค.10 “ถึงเวลาเปลี่ยน Top Picks’’) ณ ระดับดัชนี 670 จุด SETน่าจะซื้อขายที่ระดับ earnings-bond yield gap ที่ 6%
ปัจจัยหลักทางด้านเศรษฐกิจเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง แนวโน้มการเมืองที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจจะนำไปสู่การยุบสภาหรือการทำรัฐประหารเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อปัจจัยเศรษฐกิจต่างๆ จะมีการสะดุดในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และมีความเสี่ยงที่งบประมาณปี 2011 จะไม่ได้รับการอนุมัติจากสภา โครงการต่างๆ ในมาบตาพุดเป็นไปได้ที่จะถูกเลื่อนออกไป อีก เนื่องจากองค์กรอิสระจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาเช่นกัน Sentiment ทางธุรกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่แย่ลง ยังส่งผลลบต่อการบริโภค และการลงทุนอีกด้วย ขณะที่รายรับจากการท่องเที่ยวเริ่มได้รับผลกระทบทางลบแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคาดว่าการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจะถูกเลื่อนออกไปจากเดือนนี้ และเดือนมิ.ย. ไปยังช่วงต้น 2H10 และค่าเงินบาทน่าจะอ่อนตัวลง ซึ่งเป็นปัจจัยบวก ดังนั้นเราจึงเปลี่ยน TopPicks ของเรา โดยเอา AMATA AOT THAI KTB KBANK PTTCH และ PTT ออก และคง CPALL CPN และLPN เป็น Top Picks ของเราเหมือนเดิม และแทนที่ด้วยหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาบตาพุด อย่าง BANPUหุ้นที่ให้ yield สูง อย่าง ADVANC และหุ้นส่งออก อย่าง TUF ดังนั้นหุ้นที่เราแนะนำ “ซื้อ” จึงเหลือเพียง 6 ตัว
|
Comments