ใจเย็นพ่อรูปหล่อ..โดย..นายคิดดี |
![]() |
![]() |
![]() |
Tuesday, 09 February 2010 12:07 | |||
ไม่รู้การเป็นนายกรัฐมนตรีมันสนุกตรงไหน เพราะปลายสัปดาห์ก่อนตามติดดูตารางการทำงานของ “หนุ่มมารค์” แค่วันเดียว เห็นตัวเลขนัดหมายไปเข้าไปตั้ง 13 งาน ทั้งประชุม พบปะ และ ปาฐกถา อะไรต่อมิอะไรไม่รู้ ให้วุ่นวายไปหมด คิวแน่นเอี้ยดแบบนี้ เลยหายสงสัยว่าทำไม่ พ่อรูปหล่อ เจ้าของตำนาน ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง แห่งถินอีสาน ช่วงนี้ถึงดูหุ่นไม่เฟิร์ม หน้าไม่เฟรชเหมือนเดิม และก็ด้วยความที่งานชุกเกินเหตุหรือเปล่าไม่ทราบได้ เลยทำให้ ท่านนายกฯ เกิดอาการขาดๆเกินๆระหว่างส่งสาสน์ด้านเศรษฐกิจสู่สาธารณะ หรือเพราะเห็นว่า ช่วงนี้กระแสการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังแรง หรือขอเกาะเทรนด์กับเขาบ้าง ด้วยการแหลมออกมากลางวงสัมมนาของสถาบันพระปกเกล้า ว่า รัฐบาลกำลังมองหาจังหวะแจ่มๆ ที่จะลดการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ หลังเห็นสัญญาณเศรษฐกิจดีวันดีคืน และจะเป็นด้วยเหตุบังเอิญ หรือนักลงทุนขยาดกับลมปากท่านจริงๆ ก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ถูกตลาดหุ้นภูมิภาคกดดันจนลบไป 1% กว่าอยู่แล้ว พอได้ยินวาจาคุณอภิสิทธิ์เข้าไป ก็ร่วงลงไปวิ่งเล่นเกือบ 2% ดีที่หนุ่มมาร์คยังมาตั้งหลักหลังลงจากเวทีสัมมนางานนั้น และมาต่อในการปาฐกถาที่อีกงานหนึ่ง ว่า การลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะไม่ทำเร็วเกินไป และจะไม่ให้ไปกระทบต่อโครงการไทยเข้มแข็ง ก่อนที่จะมาย้ำกันแบบแห้ง เพราะไม่ได้ถ่ายทอดสด ในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อเช้าวันอาทิตย์ว่า การทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจน่ะ คงต้องทบทวนแน่ โดยเฉพาะการกู้เงิน เนื่องจาเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น และการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ ก็มีแววว่าจะสูงกว่าเป้าเกือบ 2 แสนล้านบาท ในปีงบประมาณ 53 นี้ แต่ก็เน้นย้ำว่า แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ยังคงต้องดำเนินการต่อไป อย่างน้อยก็จนถึงปลายปีนี้ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อ จนกว่าการลงทุนภาคเอกชนจะมารับไม้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้ ฟังเนื้อความครั้งแรกแล้วต้องบอกว่าหนักใจ แต่พอมีระลอกหลังออกมาค่อยเบาใจหน่อย เพราะถ้าพอจะติดตามความเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจกันบ้าง ก็จะมองออกว่า เศรษฐกิจไทย หรือแม้แต่เศรษฐกิจโลก ที่มันทำตัวเป็นกระดี่ได้ขนาดนี้ ก็เพราะได้น้ำจากเงินอัดฉีดของทางการมากระตุ้นทั้งนั้น ขณะที่ ในส่วนของภาคเอกชน แม้การบริโภคจะฟื้นตัวดีขึ้น ดัชนีการผลิต การบริการต่างๆ เริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังเป็นการฟื้นที่เปราะบาง และสุ่มเสี่ยงที่จะหัวทิ่มบ่อกลับไปใหม่ได้ ดูอย่างตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธันวาคม 52 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แถลงออกมาเมื่อปลายเดือนก่อน จะเห็นว่า ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน แม้เทียบเดือนต่อเดือนจะเพิ่มขึ้น 1.0% แต่ยังน้อยกว่าเดือนพฤศจิกายน ที่เพิ่ม 1.3% เช่นเดียวกัน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน เดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่ต่ำกว่าเดือนพฤศกิจการยน ที่บวกไป 1.8% จะมีที่โดดเด่นหน่อย ก็ตรงตัวเลข ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม ที่เพิ่มขึ้นถึง 35.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตฯสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ใช่ว่าตัวเลขที่ดี จะสะท้อนว่าทุกอย่างดีไปหมด เพราะคนของแบงก์ชาติ ก็ออกมาระบุเองว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนธันวาคมปีก่อน ที่ออกมาสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น เป็นผลจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก แต่ถ้าดูในภาพรวมแล้ว ภาคอุตสาหกรรมก็ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นในทิศทางเดียวกันหมด ด้วยเหตุนี้ จึงสนับสนุนมุมมองอย่างที่บอกไปว่า เบาใจที่รัฐบาลจะยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีกสักพักใหญ่ๆ เพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มีการสร้างฐานที่มั่นคงจริงๆ และไม่ต้องไปฝากผีฝากไข้กับปัจจัยที่ไม่แน่นอนภายนอกมากนัก เพราะถ้ารัฐบาลผสมแต่ไม่กลมกลืนของคุณอภิสิทธิ์ คิดคึกที่จะเดินหน้าถอนมาตรการต่างๆออก โดยที่ยังไม่สมควรแก่เวลา เพื่อหวังผลทางจิตวิทยาสั้นๆว่า เศรษฐกิจบ้านเราฟื้นแล้วและฟื้นเร็วกว่าที่คนอื่นปรามาสไว้ แล้วเกิดปัจจัยบวกที่ยังง่อนแง่นต่างๆ มันพลิกกลายเป็นปัจจัยลบขึ้นมา ต้นทุนการกลับมาเริ่มนับหนึ่งเดินเครื่องกระตุ้นกันใหม่ กับการเดินเครื่องที่ติดอยู่แล้วให้วิ่งไปต่อเนื่อง อย่างไหนจะต่ำกว่ากัน ไม่ต้องบวกลบคูณหารให้ ก็น่าจะคิดกันออก นายคิดดี
|
![]() | Today | 877 |
![]() | All days | 877 |
Comments