คนจะเหม็นหน้า ท่านนายกฯมาร์ค มากน้อยแค่ไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ๆตอนนี้ คนคงเหม็นบ้าน คุณอภิสิทธิ์ กันทั้งซอย เพราะดันมีคนเอาของในที่ลับ ไปขวางปากระจายในที่แจ้ง ให้ได้ฮือฮาพาดหัวตัวไม้กันหลายฉบับ

ถือเป็นการประเดิมตามคำเตือนของ เสธ.คนดัง ที่ออกมาปูดข่าวสร้างความอกสั่นขวัญหายไม่เว้นแต่ละวัน ว่าให้บุคคลระดับวีไอพีทั้งหลาย ระวังตัวให้ดี เพราะเดือนกุมภาพันธ์ นอกจาก ตรุษจีน วาเลนไทน์ และมาฆบูชาแล้ว ยังมีวันดีเดย์ชี้ขาดขุมทรัพย์ของพ่อทูนหัว ที่มีหลายชีวิตพร้อมพลีกายเข้าแลก เพื่อปกป้องไว้

แม้จะต้องลงทุนอาฆาตมาดร้าย หมายหัว รวมไปถึงเด็ดหัวผู้อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ตามที

พออุณหภูมิการเมืองเริ่มเดือดและร้อนขึ้นแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยว่าตลาดหุ้นไทยจะเป็นยังไงต่อ แววร่วงมีมากกว่าแววรุ่งอยู่เห็นๆ เพียงแต่จะเริ่มนับหนึ่งวันตกบันไดขั้นโตที่วันไหนเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็เลยเตาะแตะๆ ขึ้นเหมือนจะกลัวรวย ร่วงเหมือนจะกลัวจนอยู่แบบนี้ไปก่อน

ครั้นเจอสภาพขึ้นก็เสียว ลงก็เสียวหนักเข้า ทำเอานักลงทุนรายย่อยบางกลุ่มชักถอดใจ โดยเฉพาะพวกหน้าใหม่ เพราะปีก่อนตลาดหุ้นทำกำไรได้ตั้งกว่า 60% ก็เลยหลงตัวลืมตายเข้ามาร่วมวงด้วย แต่กลับกลายเป็นสุกวันดิบวันอยู่แบบนี้ โยนผ้าขาวกลับไปหยอดกระปุกออมสิน รวยช้าแต่ชัวร์ดีกว่า

ส่วนคนที่ชักจะเข็ดแต่ยังไม่อยากเลิก ก็เริ่มจะคล้อยตามคำโฆษณาของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่แนะให้ใช้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม เพราะในเมื่ออยากจะเล่นหุ้น แต่มือไม่ถึง ก็ควรจะดึงมืออาชีพเข้ามาช่วยจะปลอดภัยกว่า

แนวคิดนี้ ทางทฤษฎีไม่มีอะไรผิด แต่ใครที่หวังว่า เมื่อพึ่งพาผู้ที่ขึ้นชื่อว่า ผู้จัดการกองทุน แล้ว จะได้รับผลตอบแทนที่สุขสมอารมณ์หมายเสมอไป ในทางปฏิบัติแล้ว ต้องบอกว่าคิดผิดเต็มๆ

ที่ชวนคุยเรื่องนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีใครเป็นพิเศษ แต่เพราะมีหลายเสียงมาบ่นให้ฟังซ้ำๆว่า ผู้จัดการกองทุน บ้านเราที่ใจถึงพึ่งได้จริงๆ หาทำยายากเหลือเกิน เพราะส่วนหนึ่งก็ยึดนโยบาย passive fund ไปแล้ว คือเกาะกับดัชนีอ้างอิงไว้ก่อน ดัชนีอ้างอิงเป็นยังไง ก็ลงทุนให้คล้ายกับน้ำหนักในดัชนีเอาไว้ ขึ้นก็ขึ้นด้วย ลงก็ลงด้วย ผู้ถือหน่วยก็ไม่ต้องไปหวังอะไรมาก บวกได้มากกว่าดัชนีนิด ลบได้น้อยกว่าดัชนีหน่อย ก็น่าดีใจแล้ว

อีกส่วนหนึ่งที่เป็นพวก active fund หรือ บริหารแบบเชิงรุก กลุ่มนี้ตอนฟังคำรมก็คมคายดี ฮึกเหิมสุดๆ เพราะมุ่งหวังที่จะเอาชนะตลาดให้ได้แบบชัดเจน วาดภาพกันสวยหรูดูดี

แต่ผลที่ออกมาจริงเป็นยังไง ปีที่แล้วก็น่าจะสะท้อนได้ดี เพราะบรรดา active fund ทั้งหลาย แม้จะบวกได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็พ่ายแพ้ตลาดกันเกือบทั้งนั้น เนื่องจาก active เกินเหตุ เลยเอาแต่ชักเข้าชักออก จนไม่ทันกับตลาดที่เกือบจะเป็นการวิ่งขึ้นขาเดียวตลอดปี

พอมาปีนี้ ตลาดแกว่งไปไม่รู้กี่รอบ ถ้าเป็นรายย่อย ดูถ้าจะฟันกำไรไปหลายขยักแล้ว ส่วนกองทุนบางที่ยังนิ่งอยู่ ทั้งที่เป็น active fund และก็เห็นแต่ละคนออกมาประกาศปาวๆแล้วทั้งนั้น ว่า ปีนี้ตลาดหุ้นจะผันผวน ต้องเน้นเทรดเล่นรอบมากขึ้น

พูดเป็นต่อยหอย แต่พอเอาจริงกลายเป็นไข่ในหอย ไม่โผล่ฝีไม้ลายมือให้เห็นสักที พอโดนกระทุ้งถาม ก็อ้างว่า นักลงทุนสถาบันไม่เหมือนรายย่อย ต้องมองระยะที่ยาวกว่า

ฟังแล้วงง ตกลงว่าตกผลึกมุมมองต่อตลาดหุ้นปีนี้ยังไง เพราะเหตุผลว่า การลงทุนของกองทุน เป็นแบบมืออาชีพจะเน้นมุมมองระยะกลางระยะยาวมากกว่า มันก็รับฟังได้อยู่

แต่ในเมื่อคิดได้และรู้อยู่เต็มอกว่า ตลาดหุ้นไทยปีนี้ มันคงหาดีไม่ได้ นอกจากแกว่งไกวไปเป็นรอบๆ แล้วทำไมไม่ใช้ความรู้ที่ตัวเองมีอยู่ แปรเปลี่ยนเป็นกำไรให้กับลูกค้า

ไม่มีใครกำหนดไว้ว่า กองทุนเล่นระยะสั้นไม่ได้ โดยเฉพาะในภาวะที่ผิดปกติแบบนี้ จะเก็งกำไรเล่นรอบกันบ้างก็น่าจะพอทำได้ เพราะผู้ลงทุนก็ไม่ได้หวังให้ท่านไปเก็งกำไรรายตัว หรือทุ่มเงินทั้งพอร์ตไปกับการเทรด แต่ในเมื่ออ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเกาะขอบสนามแล้ว การจับจังหวะตลาด และหากำไรเป็นระยะๆ ก็น่าจะทำได้เก่งเหมือนที่ปากพูดด้วย

ไม่อย่างนั้นก็ช่วยระบุไปในหนังสือชี้ชวนเลยว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผลกำไรของกองทุนหุ้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการตั้งโปรแกรมเทรดอัตโนมัติ ส่วนผู้จัดการกองทุนมักจะพูดได้ แต่ทำไม่เป็น

                                                       นายคิดดี

Written by :

EDITOR

 

Comments

B

i

u

Quote

Code

List

List item

URL

Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions

Submit Comment