Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Top Headlines กรมสรรพสามิต มุ่งเน้นในการดำเนินนโยบายด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง
กรมสรรพสามิต มุ่งเน้นในการดำเนินนโยบายด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง PDF Print E-mail
Thursday, 26 December 2024 00:15

กรมสรรพสามิตเตรียมพร้อมในการบูรณาการด้านนโยบาย กฎหมาย พัฒนาบุคลากรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนและความสมดุลระหว่างรายได้และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทย

ดร. กุลยา  ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตยังคงมุ่งเน้นในการดำเนินนโยบายด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง โดยต่อยอดการดำเนินงานเพื่อมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน หรือ Sustainability เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย และปรับปรุงการทำงานให้เป็นองค์กรที่ทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตลอดจนพัฒนาบุคลากรของกรมสรรพสามิตให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับในด้าน E และ S (Environment and Social) จะเน้นนโยบายการขยายฐานภาษีเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น การจัดเก็บภาษีคาร์บอน การปรับโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่  การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ เพื่อรองรับมาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

การส่งเสริมอุตสาหกรรมสุราชุมชน และการจัดเก็บภาษีโซเดียม เป็นต้น และในด้าน G (Governance) จะมุ่งเน้นการปรับกระบวนการทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตทั้งด้านการบริหารการจัดเก็บภาษี การปราบปราม และการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ ตลอดจนการบูรณาการความร่วมมือและสื่อสารกับภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและการยอมรับร่วมกัน

ทั้งนี้ ดร. กุลยา  ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในด้านนโยบายภาษีจะใช้ภาษีสรรพสามิตเป็นเครื่องมือในการสร้างความยั่งยืน โดยการรักษาสมดุลระหว่างรายได้และผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจเพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน เช่น

- ภาษีรถยนต์ จะมีการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine: ICE) ไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility) ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี EV PHEV HEV และHydrogen ตามนโยบายที่รัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

- ภาษีแบตเตอรี่ จะมีการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่จำเป็นต้องมีการใช้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ โดยกำหนดเกณฑ์ตามค่า Energy Density หรือประจุไฟฟ้าต่อน้ำหนัก และ Lifecycle หรือรอบการอัดประจุไฟฟ้า

- ภาษีคาร์บอน จะเป็นการเพิ่มกลไกราคาคาร์บอนภายในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จากการคำนวณค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับราคาคาร์บอน เพื่อสร้างความตระหนักในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรมโดยเน้นย้ำว่าการเพิ่มกลไกดังกล่าวจะไม่กระทบต่อภาระภาษีสรรพสามิตในปัจจุบัน

- การแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบโดยส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมสุราชุมชนเพื่อต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีมาตรฐานและแข่งขันได้

-ภาษีโซเดียม อยู่ระหว่างการศึกษาประเภทสินค้าสำเร็จรูปและการกำหนดเกณฑ์ปริมาณโซเดียมที่จะจัดเก็บ ซึ่งจะเป็นภาษีที่ต้องการมุ่งเน้นด้านสุขภาพประชาชนเป็นหลัก

นอกจากนี้ ในด้านนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการจัดเก็บภาษี ดร. กุลยา  ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า อยู่ในระหว่างดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ประกอบด้วย

- การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้กลไกอัตราตามมูลค่า ซึ่งฐานภาษีสำหรับอัตราตามมูลค่าในปัจจุบัน คือ “ราคาขายปลีกแนะนำ” โดยการกำหนดหลักเกณฑ์การแจ้งราคาขายปลีกแนะนำให้เข้มงวดและรัดกุม การกำหนดหลักเกณฑ์การสำรวจและการจัดเก็บข้อมูลเพื่อพิจารณาฐานนิยม การปรับปรุงฐานข้อมูลด้านต้นทุนและค่าใช้จ่าย การกำหนดขั้นตอนการพิจารณาโครงสร้างราคาขายปลีกแนะนำให้ชัดเจน และใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ตลอดจนการกำหนดราคาของกลางเพื่อใช้กระบวนการคำนวณเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม

- การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่สามารถแสกน QR CODE เพื่อตรวจสอบการชำระภาษีผ่านการใช้ E-stamp สำหรับสินค้าสุรา ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการใช้ E-stamp กับสินค้าบุหรี่ซิกาแรตที่ประชาชนสามารถตรวจสอบการชำระภาษีสำหรับสินค้าบุหรี่ซิกาแรตได้ โดยมีการจัดเก็บข้อมูล อาทิ ตราสินค้า รายละเอียดสินค้า ชื่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วันที่ชําระภาษี สถานที่จัดส่ง และราคาสินค้า เป็นต้น โดยผู้ซื้อสามารถตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ว่าตรงกับสินค้าหรือไม่ และหากพบว่า ข้อมูลของสินค้ากับข้อมูลที่ปรากฏไม่ตรงกันผู้ซื้อสามารถโทรแจ้งมายังสายด่วนสรรพสามิต โทร. 1713 ได้ เพื่อกรมสรรพสามิตจะเข้าไปตรวจสอบต่อไป

- การพัฒนาคนให้มีความรู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและกฎหมาย เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งจะมีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรในรูปแบบ Digital เช่น พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะทางด้านดิจิทัลแบบ Multi-Skilled Digital และพัฒนาเป็นระบบ

e-Knowledge Sharing การถ่ายทอดความรู้ผ่านระบบโรงเรียนสรรพสามิต Excise School ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกเรียนเนื้อหาเรื่องที่สนใจและพัฒนาทักษะของตนเองให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง

- การเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำงานโดยการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานโดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ Digitalization 4 ด้าน ได้แก่ D-Service D-Office D-culture และ D-standard ตัวอย่างเช่น การขึ้นทะเบียน การยื่นแบบชำระภาษี การชำระเงิน และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ตลอดจนการใช้ Big Data และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อคาดการณ์รายได้และกำหนดนโยบายภาษี รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจในเชิงนโยบาย

ดร. กุลยา  ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวย้ำว่า กรมสรรพสามิตเตรียมพร้อมในทุกมิติในการบูรณาการด้านนโยบาย กฎหมาย พัฒนาบุคลากร และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้สอดคล้องและเป็นไปทิศทางเดียวกัน เพื่อที่จะดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนและความสมดุลระหว่างรายได้และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it

 

 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1286
mod_vvisit_counterAll days1286

We have: 1285 guests online
Your IP: 3.23.103.14
Mozilla 5.0, 
Today: Dec 27, 2024

6109760