ประธานสมาคมธนาคารไทย ชี้เศรษฐกิจไทยติดกับดักซ้ำซ้อน แนะใช้มาตรการกระตุกประคองและปฏิรูปเชิงโครงสร้าง |
![]() |
![]() |
![]() |
Wednesday, 16 July 2025 22:45 | |
ประธานสมาคมธนาคารไทย ชี้เศรษฐกิจไทยติดกับดักซ้ำซ้อน แนะใช้มาตรการกระตุกประคองและปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ปลดล็อกความเปราะบาง ใช้ทรัพยากรอย่างตรงจุด นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ร่วมเวทีสัมมนา “iBusiness Forum Decode 2025: The Mid-Year Signal ถอดสัญญาณเศรษฐกิจโลก พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย” โดยชี้ว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีความเปราะบาง จากหลายแรงกดดัน ทั้งเรื่องภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ โดยเฉพาะเศรษฐกิจนอกระบบที่มีขนาดใหญ่ ที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เป็นภาระของระบบการคลัง และลดทอนประสิทธิภาพและความสามารถในการสร้างผลตอบแทนของภาคธุรกิจ เห็นสัญญาณจากการที่ประเทศไทยยังมีสภาพคล่องเหลือ แต่เม็ดเงินไหลออกไปลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อผลตอบแทนที่สูงกว่า ทั้งการลงทุนในกองทุนรวมและการลงทุนโดยตรง อีกหนึ่งตัวชี้วัดคือ Price to Book Value (P/B) ของตลาดทุนไทยซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 1.1 เท่านั้น โดยกว่า 70% ของบริษัทจดทะเบียนมี P/B ต่ำกว่า 1.0 สะท้อนปัญหาความเชื่อมั่น และศักยภาพในการเติบโตของภาคธุรกิจไทยในระยะยาว นอกจากนี้ ยังพบสัญญาณของเศรษฐกิจนอกระบบในการเคลื่อนย้ายเงินทุน เช่น การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นผลจากส่วนที่อธิบายไม่ได้ หรือ "Error and Omission" เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ซึ่งอาจจะสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของเงินทุนผ่านสินทรัพย์อย่างทองคำและคริปโตเคอร์เรนซีที่ไม่สามารถตรวจสอบหรือจับต้องในระบบเศรษฐกิจจริงได้ อีกด้านของเศรษฐกิจนอกระบบสะท้อนในการเป็นหนี้ของครัวเรือน โดยหากรวมหนี้ในระบบและ “หนี้นอกระบบ” ขายืม (Gross debt) จะทำให้หนี้ครัวเรือนของไทยสูงถึง 117% ของ GDP นอกจากนั้น หนี้นอกระบบเป็นแหล่งสภาพคล่องสำคัญของเศรษฐกิจระดับฐานราก โดยพบว่า 40% ของผู้กู้หนี้นอกระบบ เป็นเจ้าหนี้นอกระบบในเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงความเปราะบางทางการเงินและการขาดข้อมูลที่จำเป็นในการเข้าถึงการเงินในระบบ ทั้งนี้ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จำเป็นต้องเลิกแนวทางแบบ “เหมาเข่ง” หรือการใช้งบประมาณและทรัพยากรแบบไม่ตรงเป้าหมาย โดยเดินหน้าแก้ไขปัญหาผ่าน 3 แนวทางพร้อมกันคือ “การกระตุก” เศรษฐกิจในระยะสั้น ผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ โดยเฉพาะกลุ่มหนี้ครัวเรือนและ SME ที่เปราะบาง ซึ่งปัจจุบันมีโครงการ คุณสู้เราช่วย รองรับอยู่ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจซึมลึก “การประคองและกระตุ้น” กลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้กลุ่มปริ่มน้ำหลุดออกจากระบบ พร้อมทั้งสร้าง Safety net ที่เพียงพอและทั่วถึง และยกระดับรายได้และเพิ่มโอกาส ขณะที่ธุรกิจรายใหญ่ช่วยประคองรายเล็ก และ Supply Chain “การปฏิรูป” ปรับโครงสร้าง ผ่านการผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบด้วยการให้แรงจูงใจและเห็นประโยชน์จากการเข้ามาอยู๋ในระบบ การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Reform) โดยให้ความสำคัญกับ Enforcement & Compliance และทลาย Silo ของหน่วยงานที่ออกกฎหมาย การเพิ่มการลงทุนใน R&D เพื่อผลิตภาพและรายได้ที่สูงกว่า การสร้าง Informed Citizen ที่เท่าทัน Dynamic ของโลกและสามารถใช้ประโยชน์จาก Disruptive technology ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และการปฏิรูปข้อมูลซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่นำไปสู่การถกเถียงนโยบายที่อยู่บนความเข้าใจที่แท้จริง “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก การขยายเพดานหนี้สาธารณะ อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ต้องนำไปใช้เพื่อการปฏิรูป สร้าง Trust & Confidence ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น อีกทั้ง ทบทวนงบประมาณปี 2569 เพื่อจัดลำดับความสำคัญใหม่ รวมถึงพิจารณาใช้เครื่องมือทางการคลังต่างๆ อย่างเหมาะสม บนพื้นฐานของการเชื่อมโยงทุกมิติ (Connect the dots) และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและวัดผลได้ วิกฤตคือโอกาส หากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนจุดเปราะบางให้กลายเป็นกล้ามเนื้อใหม่ของระบบเศรษฐกิจได้” ++++++++++++++++++++++++++++++++ This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
|
![]() | Today | 848 |
![]() | All days | 848 |
Comments